1. SistaCafe
  2. ทำงานหนักฆ่าคนได้จริงไหม? 5 แนวคิดในวัยทำงานเพื่อ Work Life Balance

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F94036%2Fd042ef5f-05eb-492e-9491-cd19e2668fe4.jpeg?v=20240313152720&ratio=0.562ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F94036%2Fc1b5c091-98ba-446b-8b07-80ca370e6a1e.jpeg?v=20240313152720&ratio=0.562

ประเด็นเรื่อง'การทำงานหนัก'กำลังเป็นเรื่องที่หลาย ๆ คนให้ความสนใจ จริงหรือไม่ การทำงานหนักอาจจะทำให้เราถึงตายได้ วันนี้เรามาหาคำตอบกันดีกว่า พร้อมพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับโรคKaroshi Syndromeบวกกับแชร์ฮาวทูสิ่งที่สาว ๆ หนุ่ม ๆ ในวัยทำงานควรทำให้มี Work Life Balanceต้องทำยังไง ชีวิตทำงานและชีวิตประจำวันของเราถึงจะลงตัววางงานที่ทำลงก่อน แล้วเรามาหาคำตอบกับทุก ๆ เรื่องไปพร้อม ๆ กันในวันนี้ จะเป็นยังไง ไปอ่านดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะชาวซิส!

ทำงานหนักฆ่าคนได้จริงไหม?

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F94036%2Fe6174663-245f-45a2-905a-70f3715d5264.jpeg?v=20240313152721&ratio=0.562

ทุกวันนี้ เราว่าหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินคำถาม จริงมั้ยที่ว่า " การทำงานหนักฆ่าคนได้จริงหรือ? " ถ้าเป็นเมื่อก่อน คงมีคนออกมาแย้งแน่ ๆ ว่า ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ แต่กลับปัจจุบันนี้ มันไม่ใช่แบบนั้นแล้ว การทำงานหนัก ฆ่าคนได้จริง ๆ ค่ะองค์การอนามัยโลก (WHO) เผย มีคนตายจากการทำงานหนักปีละเกือบ 8 แสน ยิ่ง Work From Home ยิ่งเป็นปัญหา เพราะคนส่วนใหญ่ทำงานมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งโรคที่พบมากที่สุดในหมู่ของคนที่ทำงานหนักมาก ๆ คือ โรคเส้นเลือดในสมองแตก โรคเครียด ไปจนถึงโรคหัวใจ

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F94036%2Ff1c95b19-59f7-4297-af50-d7d9d3c0eeb6.jpeg?v=20240313152721&ratio=0.667

แล้วรู้มั้ยคะว่าเหตุการณ์เสียชีวิตจากการทำงานหนักเกิดขึ้นในหลาย ๆ ประเทศก็จริง แต่ที่พบบ่อยมากที่สุดก็คือ ที่ประเทศญี่ปุ่น เพราะคนที่นี่ทำงานหนักกันมาก เรียกได้ว่า งานคือชีวิตทั้งชีวิต โหมกันหนักแบบสุด ๆ และเพราะเหตุการณ์แนวนี้เกิดขึ้นหลายครั้งมาก ๆ ในญี่ปุ่น ถึงขั้นที่ญี่ปุ่นเรียกภาวะที่คนทำงานหนักจนตายว่า“โรคคาโรชิ” (Karoshi)ซึ่งก็คือKaroshi Syndromeที่เรากำลังจะพูดถึงกันในวันนี้นั่นเองค่ะ

ประเด็นชวนรู้! Karoshi Syndrome คืออะไร?

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F94036%2F4c3bddc1-650a-4055-b65e-01ee28aad9d3.jpeg?v=20240313152721&ratio=0.562

คาโรชิ ซินโดรม (Karoshi Syndrome)คือ โรคจากการทำงานหนักจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ซึ่งเกิดจากการทำงานหนักจนพักผ่อนไม่เพียงพอ เครียด อ่อนเพลีย จนเกิดความผิดปกติต่อร่างกายและอารมณ์ นำไปสู่การเสียชีวิตในที่สุดซึ่งในญี่ปุ่นพบว่า มีคนป่วยและตายเพราะโรคนี้มากขึ้นทุกปี ๆ และเริ่มแพร่กระจายไปทั่วแล้วในปัจจุบัน แม้จะไม่ใช่โรคติดต่อ แต่ก็เป็นอีกหนึ่งโรคร้ายที่คนทำงานหนักมากๆ ต้องหวาดหวั่นบ้างแหละแต่รู้มั้ยว่า ปัจจุบันนี้เทรนด์ทำงานสัปดาห์ละ 4 วัน เริ่มเป็นที่พูดถึงมากขึ้น ในญี่ปุ่นและหลาย ๆ ประเทศเอง ก็เริ่มให้ความสนใจกับเทรนด์นี้เหมือนกัน เพราะเล็งถึงคุณภาพชีวิตของคนมากขึ้น แต่ก็ยังมีอีกหลาย ๆ ประเทศ ที่คิดว่า การทำงานแค่สัปดาห์ละ 4 วัน อาจจะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง และอาจจะส่งผลเสียต่องานมากเกินไป ทั้งนี้ทั้งนั้นสุดท้ายจะทำงานกี่วัน ก็อยู่ที่การตัดสินใจของบริษัท ซึ่งพนักงานตัวน้อย ๆ อย่างเราบางครั้งก็แทบจะเรียกร้องอะไรไม่ค่อยได้เลย 3

ฮาวทู 5 สิ่งที่สาว ๆ หนุ่ม ๆ ในวัยทำงานควรทำให้มี Work - life Balance

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F94036%2F76670f89-b6c4-4a59-9d89-f5f1e1b73ccf.jpeg?v=20240313152722&ratio=0.563

Work-life Balanceคือ แนวคิดเกี่ยวกับการปรับสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว เพื่อลดผลกระทบจากการทำงานหนักเกินไป ซึ่งมีประโยชน์สำหรับคนยุคใหม่ ทั้งที่ทำงานประจำและอาชีพอิสระแม้เราจะไม่สามารถกำหนดวันทำงานของตัวเองได้ว่า ต้องทำสัปดาห์ละกี่วัน ก็ไม่เป็นไรค่ะ เราสามารถสร้างสมดุลให้กับชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวได้นะ วันนี้เรามีฮาวทู 5สิ่งที่สาว ๆ หนุ่ม ๆ ในวัยทำงานควรทำให้มีWork - life Balanceง่าย ๆ และรับรองว่ถ้าเพื่อน ๆ ลองปรับและทำตามนี้ ชีวิตจะดีขึ้นอีกเยอะไม่ต้องหักโหมที่จะทำตามแบบทันทีทันใด ค่อย ๆ ปรับไป แล้วทุกอย่างจะดีเอง จะมีวิธีไหนบ้าง เราไปดูกันเลย

1. หาจุดพอดีให้ได้

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F94036%2F5342b4a3-9777-42e2-a437-4abecc62bb0f.jpeg?v=20240313152722&ratio=0.525

ต้องบอกก่อนว่า การมี Work-Life Balance ที่ดีไม่มีกฎเกณฑ์ที่แน่นอน และไม่จำเป็นที่ทั้งสองด้านจะต้องเท่ากันเสมอไป มันก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของเรา ว่าเราอยากจะเอนเอียงไปทางไหนมากกว่ากัน เพียงแต่เราจะต้องรู้จัก Balance ทั้งสองสิ่งให้พอดี ไม่หนักไปทางไหนมากจนเกินไปเท่านั้นเอง สุดท้ายแล้วเราต้องคำนึงถึงความสุขและความต้องการของตัวเองโอเค! คุณอาจจะเลือกให้งานมากหน่อยสัก 60% อีก 40% ที่เหลือสำหรับกิจกรรมส่วนตัวก็ไม่ใช่เรื่องผิด ทุกคนมีจุดพอดีในแบบของตัวเองค่ะอย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร หาจุดที่พอเหมาะและพอดีกับตัวเอง ทำแล้วสบายใจก็พอ เพราะบาลานซ์ของแต่ละคนไม่เท่ากันและที่สำคัญอย่าให้คนอื่นมาบอกว่าเราควรจะทำหรือไม่ควรทำอะไรเพราะตัวเราจะรู้จักตัวของเราเองดีที่สุดนะคะ โอเคนะ!

2. งานคืองาน พักคือพัก

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F94036%2F847b5654-cc70-427f-804d-63c3a5933bd5.jpeg?v=20240313152723&ratio=0.667

เวลางานจบ แต่คนไม่จบ ยังอุส่าห์แบกงานกลับไปทำต่อที่บ้านอีก!จริง ๆ แล้ว อยากให้เพื่อน ๆ แบ่งเส้นให้ชัดเจนเวลางานก็ทำงาน เลิกงานคือเวลาพัก เป็นเวลาที่เพื่อน ๆ จะได้พักและทำสิ่งที่อยากทำไม่ใช่เอาเวลางานไปเบียดกับเวลาพัก แบบนี้ไม่ไหวนะ!เราควรเคารพเวลาพักผ่อนของตนเองเมื่อถึงเวลาพักผ่อนควรหยุดคิดถึงเรื่องงานซะ อาจจะมีบ้างที่หัวหน้า หรือลูกค้าติดต่อมากระทันหันให้แก้งาน หรือส่งงานใด ๆ ทำได้ แต่เมื่อทำเสร็จ ก็ควรพักค่ะ บางคนทำงานแบบหักโหมหนักมาก พักก็ไม่ได้ งานเร่งไปหมด เอาจริง ๆ หาเวลาสักหน่อย นั่งพักสมองชิลล์ ๆ หรือลองเปลี่ยนจุดทำงานดู หาบรรยากาศใหม่ ๆ ให้เรารู้สึกผ่อนคลาย ไม่ตึงเครียดจนเกินไปก็ดีนะ อยากให้ลองดูจริง ๆ นะคะ ถ้ามีเวลาพัก ก็คือพัก หยุดคิดเรื่องงาน แต่ถ้าเวลาพักน้อยนิดมาก ๆ ลองเปลี่ยนบรรยากาศที่นั่งทำงานดูก็ได้ เช่น ร้านกาแฟ ร้านหนังสือ สวนสาธารณะ หรือที่อื่นๆ ที่บรรยากาศดี ๆ นั่งแล้วผ่อนคลาย ก็ช่วยได้นะ

3. ขอความช่วยเหลือให้เป็นและพูดปฏิเสธให้ได้

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F94036%2Fb88cfd70-b55d-4d32-8e7d-6f2da9b9aa4d.jpeg?v=20240313152723&ratio=0.562

เราว่ามีหลายคนเลยนะที่เป็นแบบนี้ ใครมาขอให้ช่วยอะไร รับทำหมดไม่เคยบอกปัด ไม่เคยพูดปฏิเสธใคร แต่รู้อะไรมั้ย ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะ ที่จะรู้สึกซาบซึ้งกับความช่วยเหลือของเราจริง ๆ มันก็ไม่ได้ผิดอะไร ถ้าเขามาขอให้เราช่วย และมันก็ไม่ได้ผิด ถ้าเราจะเอื้อมมือเข้าไปช่วยแต่ก็ควรดูกำลังตัวเองด้วยนะดูด้วยว่าเราว่างมั้ย งานเราล้นมือรึเปล่า อยู่ ๆ ไปรับงานคนอื่นมา ทั้ง ๆ ที่งานตัวเองเต็มโต๊ะ แบบนี้ก็คงจะไม่ไหวเหมือนกันนะ!เรื่องบางเรื่อง ถ้ามันไม่ใช่หน้าที่เรา หรือถ้ามันเกินกำลังเรา พูดปฏิเสธบ้างก็ได้ การตอบรับมาเพราะความเกรงใจ อาจจะทำให้เราลำบากได้นะ และผลสุดท้าย พองานออกมาไม่ตรงใจเขา เรานี่แหละที่จะซวย เพราะงั้นถ้าไม่ไหว ทำไม่ได้ ไม่สะดวก พูดปฏิเสธแบบสุภาพไป ไม่ผิดค่ะสำหรับใครที่ไม่เก่ง หรือทำงานนี้แล้วไม่เก็ท ไม่เข้าใจงานตรงไหน อย่าฝืน อย่าคิดกับตัวเองว่า โอเค! ลองดู เดี๋ยวก็ทำได้ แต่สุดท้ายก็ล่ม ฉะนั้นอะไรก็ตามที่เรารู้สึกว่า ไม่ถนัด ไม่ไหว การขอความช่วยเหลือ ขอคำแนะนำ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่ได้แย่เลยนะคะเราจะได้เข้าใจและเรียนรู้อย่างถูกต้องด้วย

4. พยายามไม่คิดเรื่องงานตลอดเวลา

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F94036%2F2aeab9c4-729f-458a-91eb-466d01133de4.jpeg?v=20240313152724&ratio=0.667

เราเชื่อว่ายังมีเพื่อน ๆ อยู่หลายคนที่ ต่อให่หยุดงาน สมองก็จะเอาแต่คิดเรื่องงานไม่หยุดหย่อน ซึ่งเราก็เคยเป็น มันเป็นอาการของคนที่ปล่อยวางไม่ได้ไง ซึ่งพอเราเอาแต่คิดเรื่องงานทั้งวัน แม้จะไม่ได้ทำงาน แต่ความเครียดมันก็เกิดขึ้นได้นะ ฉะนั้นเราแนะนำว่าอย่าพยายามให้เรื่องงานมาวนเวียนอยู่ในหัวของเราตลอดเวลาอย่าลืมว่ายังมีเรื่องอื่น ๆ ให้เราคิดอีกมากมาย พักสักหน่อยนะ!เพราะจริง ๆ เพื่อน ๆ ไม่จำเป็นต้องมานั่งคิดเรื่องงานตลอดเวลาก็ได้ เวลาพักก็แค่พัก ถึงเวลางาน ก็แค่ทำมันให้ดี ให้เต็มที่ เท่านี้เอง

5. รักตัวเองและใส่ใจความต้องการของตัวเองบ้าง

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F94036%2F01f091dd-a1ef-4039-8096-ccbe5d9001a5.jpeg?v=20240313152724&ratio=0.667

เอาจริง ๆ การตั้งใจทำงาน เพื่อเงิน ก็เป็นเรื่องที่สำคัญ เรียกได้ว่า จำเป็นเลยก็ว่าได้ แต่ชีวิตคนเรา จะยึดติดอยู่กับงานอย่างเดียวก็ไม่ได้นะ บางคนอาจจะรู้สึกว่า งานคือชีวิต เอาเวลาไปทำงาน สร้างรายได้ ทำลายสถิติดีกว่า ซึ่งก็ไม่ผิดถ้าจะคิดแบบนี้ แต่อย่าลืมนะ คุณไม่ได้ทำงานไปตลอดทั้งชีวิต สักวันนึงมันก็ต้องมีวันที่คุณจะต้องเลิกทำงาน และเมื่อถึงวันนั้น อย่าลืมคิดถึงสุขภาพร่างกายของตัวเอง ณ ตอนนั้นด้วยนะคะจริง ๆ แล้วไม่ว่าเราจะเอาเวลาที่มีไปทำอะไร ทุกอย่างก็ล้วนมีค่าหมดเลยค่ะการได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ แม้มันจะไม่ได้เกิดประโยชน์กับส่วนรวม หรืออาจจะไม่ได้เงิน แต่สุดท้ายผลที่ได้ก็คือ ความสุขของการใช้ชีวิตองค์ประกอบชีวิตของคนเรา ไม่ได้ยึดติดอยู่กับแค่การทำงานเท่านั้น แต่เพื่อความสุขที่ยั้งยืน มันจะต้องมีสิ่งอื่น ๆ เข้ามาเติมเต็มด้วยลองให้เวลากับตัวเองโดยการทำอะไรบางอย่างที่เราชอบและสนุกหรือมีความสุขไปกับมัน โดยที่ไม่ต้องมานั่งคิดว่ามันเสียเวลารึเปล่า มันได้ประโยชน์อะไร แค่ทำไปเพราะอยากทำและชอบที่จะทำ ทำแล้วแฮปปี้ก็พอ เท่านี้ก็ช่วยเติมความสุขให้กับชีวิตได้แล้ว

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F94036%2F8c88f03e-2bf0-4808-942e-bae01946fd20.jpeg?v=20240313152724&ratio=0.562

การที่เราเป็นคนที่รักการทำงานมาก ๆ มันไม่ได้ผิดนะ จริง ๆ คนเราก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกทำในสิ่งที่เราชอบกันทั้งนั้น แต่บางทีก็อย่าสุดโต่งเกินไป ควรคำนึงถึงความสุขของชีวิต สุขภาพ และอะไรอีกหลาย ๆ อย่างด้วย การเอาเวลาทั้งชีวิตไปทิ้งให้กับการทำงานซะหมด จนลืมให้ความสำคัญกับสิ่งต่าง ๆ มันอาจจะทำให้คุณพลาดบางสิ่งไปก็ได้ ฉะนั้นควรสร้าง Balance ให้กับชีวิตนะคะสำหรับวันนี้ต้องลาไปก่อนแล้ว บ๊ายบาย

Designer :lilybaecon

Writer :belfry


เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้