1. SistaCafe
  2. กลิ่นตัวเหม็น รวมสาเหตุทำให้เกิดกลิ่นตัว กลิ่นเหม็นเปรี้ยวแก้ยังไง ?

ปัญหาเรื่อง กลิ่นตัว ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แน่นอนว่าถ้ามีแล้วล่ะก็ใช้ชีวิตลำบากสุดๆ จะออกไปไหน อยู่ใกล้ใครก็ไม่มีความมั่นใจเอาซะเลย กลัวกลิ่นจะโชยไปถึงคนอื่น เสียทั้งบุคลิภาพ เสียทั้งสุขภาพจิตไปตามๆ กัน มีเพื่อน ๆ คนไหนกำลังประสบกับปัญหาเรื่อง ' กลิ่นตัวเหม็น ' แบบนี้บ้างมั้ยคะ ?

ถ้ามีแล้วละก็รีบมาอ่านบทความนี้กันด่วน ๆ เลยจ้าา เพราะวันนี้เรามีเรื่องเกี่ยวกลับกลิ่นตัวจะมาเล่าสู่กันฟัง! แบบละเอียดยิบ เริ่มตั้งแต่ปัญหานี้เกิดขึ้นเพราะอะไร รวมไปถึงแนะนำเคล็ดลับกำจัดกลิ่นตัวให้หมดไป สบายใจหายห่วง ถ้าพร้อมแล้วอย่ารอช้า ชาวซิสที่เจอสถานการณ์นี้อยู่จะได้เข้าใจ และสามารถแก้ปัญเรื่องกลิ่นตัวไปพร้อมๆ กันได้นะ ^^

♡⃛ ────────────────────────────⠀♡⃛

กลิ่นตัวเหม็น มาจากไหน ?

สงสัยมั้ยว่า กลิ่นตัวแรง เกิดจากอะไรกันนะ ? ก่อนอื่นต้องขอเล่าก่อนว่ากลิ่นตัวของเรามาจาก ' เหงื่อ ' นั่นเอง! เป็นเหงื่อที่มาจากต่อมเหงื่อที่ชื่อว่า Eccrine sweat gland ที่อยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเรา ซึ่งหากร่างกายของเรามีความร้อนมากเกินไป ก็จะมีเหงื่อออกมาช่วยปรับอุณหภูมิของร่างกาย

แต่ที่เหงื่อมีกลิ่นมากเป็นพิเศษก็มาจาก 2 สาเหตุใหญ่ ๆ ได้แก่ การที่เหงื่อของเราไปผสมกับจุลินทรีย์ แบคทีเรียที่อยู่ตามผิวหนัง และ เหงื่อที่มาจากต่อมเหงื่อที่ชื่อว่า Apcocrine sweat gland ซึ่งมักเป็นเหงื่อที่มีสีใส มีกลิ่นที่รุนแรงกว่าแบบแรก ซึ่งต่อมเหงื่อชนิดนี้ส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณ รักแร้ ขาหนีบ ใต้ราวหน้าอก และใบหู


♡⃛ ────────────────────────────⠀♡⃛

5 สาเหตุที่ทำให้กลิ่นตัวเหม็นเวอร์

ต้องออกตัวก่อนว่าเรื่องของ กลิ่นตัวเป็นเรื่องที่เฉพาะเจาะจงต่อบุคคลมาก ๆ เลยค่ะ เนื่องจากร่างกายของแต่ละคนแตกต่างกันออกไป ดังนั้นสาเหตุในเรื่องของกลิ่นตัวก็เกิดได้จากปัจจัยหลายอย่าง ทั้งปัจจัยภายในและภายนอกร่างกาย แต่ก็มีสาเหตุหลัก ๆ ที่ส่งผลต่อการเกิดกลิ่นตัวที่ค่อนข้างแรง และเป็นสาเหตุที่คนส่วนใหญ่มักจะเป็นกันแทบทุกคน ดังนี้


1. การรับประทานอาหารรสจัดจนเกินไป

คนไทยคือคนแซ่บ เชื่อว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เพื่อน ๆ หลายคนคงโปรดปรานกันมากๆ แต่รู้มั้ยคะว่าเพราะสิ่งนี้นี่แหละ ! ที่ทำให้เรามีกลิ่นตัวพิเศษมากกว่าคนที่ไม่ชอบรับประทานอาหารรสจัด ไม่ว่าจะ เปรี้ยว เค็ม เผ็ด รวมถึงอาหารใด ๆ ก็ตามที่มีส่วนผสมของ ขมิ้น กระเทียม พริกไทย และเครื่องเทศ ที่มีกลิ่นแรง หรือแม้กระทั่งผลไม้กลิ่นแรงอย่าง ทุเรียน เมื่อผ่านการย่อยจะเกิดแก๊สซัลเฟอร์ปนอยู่กับออกซิเจนในเลือดที่ไปอยู่ตามรูขุมขน ทำให้ร่างกายขับเหงื่อออกมาโดยเฉพาะใต้วงแขน ส่งผลทำให้เรามีกลิ่นตัวที่รุนแรงเป็นพิเศษ


2. น้ำหนักตัวที่มากจนเกินไปส่งผลแบบสุด ๆ

เพื่อน ๆ เคยลองสังเกตกันมั้ยคะว่าคนอ้วนมักมีกลิ่นตัวแรงกว่าคนที่ผอมกว่า สาเหตุก็เพราะว่าคนอ้วนจะมีโอกาสที่อวัยวะภายนอกมีส่วนอับชื้นมากกว่านั่นเอง ทำให้เกิดการสร้างกลิ่นไม่พึงประสงค์ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นรักแร้ ชั้นพุง ขาหนีบ ข้อพับต่าง ๆ อีกทั้งต่อมเหงื่อของร่างกายยังผลิตเหงื่อออกมาในปริมาณที่มากเป็นพิเศษ ทำให้เกิดกลิ่นขึ้นได้ค่ะ


3. การชอบรับประทานอาหารที่มีน้ำมันมากเกินไป

สาเหตุหลักก็หนีไม่พ้นเรื่องอาหารการกินอีกแล้วค่ะ แน่นอนว่านอกจากคนที่ชอบรับประทานอาหารรสจัดแล้ว สาวกของทอด ชอบรับประทานอาหารที่มีน้ำมันมากเกินไป ก็เป็นอาหารชั้นดีที่สร้างกลิ่นไม่พึงประสงค์ให้กับร่างกายของเราเช่นกัน นอกจากนี้แล้วยังเป็นตัวที่ทำให้เรามีน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้นได้ง่าย ยิ่งอ้วนกลิ่นตัวยิ่งมานะ ดังนั้นแล้วเลี่ยงได้ควรเลี่ยงไว้ให้ไกลๆ เลยค่ะ !


4. ใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายที่ไม่เหมาะกับตนเอง

เชื่อว่าหากใครมีกลิ่นตัวก็อยากจะหาผลิตภัณฑ์สำหรับระงับกลิ่นกายมาใช้กันใช่ไหมคะ แต่ใช่ว่าทุกคนจะเหมาะกับผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายทุกรูปแบบนะ แค่ร่างกายของแต่ละคนก็แตกต่างกันออกไปแล้ว เปรียบเทียบก็เหมือนกับเครื่องสำอางนั่นแหละค่ะ ใช่ว่าทุกคนใช้กับแบรนด์นี้ดีแล้วใช้ดีเหมือนกันหมดทุกคน ดังนั้นแล้วหากต้องการที่จะเลือกผลิตภัณฑ์ระดับกลิ่นสักอย่าง ก็อาจจะต้องเลือกในสิ่งที่เหมาะกับตนเองนะคะ


5. ความเครียดส่งผลต่อการมีกลิ่นตัวด้วยนะ

รู้ไหมว่าเหงื่อที่ออกตามปกติจะมีกลิ่นที่น้อยกว่าเหงื่อที่ออกมาจากความเครียด !! โดยต่อมเหงื่อชนิดนี้เรียกว่าต่อมอะโพไครน์ (Apocrine glands) และเนื่องจากของเหลวจากต่อมนี้มีน้ำในปริมาณที่น้อยกว่าต่อมเหงื่ออื่น ๆ ทำให้เมื่อเกิดการเครียดแล้วมีเหงื่อออกจะทำให้เหงื่อดึงดูดแบคทีเรียได้มากกว่า ซึ่งแบคทีเรียเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดกลิ่นได้มากกว่าปกตินั่นเองค่ะ


♡⃛ ────────────────────────────⠀♡⃛

กลิ่นตัวมีแบบไหนบ้าง ? กลิ่นลักษณะใดที่มีสัญญาณอันตราย เช็กด่วน !

การมีกลิ่นตัวเป็นเรื่องปกติ ทุกคนสามารถมีกลิ่นตัวได้ค่ะ แต่โดยทั่วไปจะเป็นกลิ่นเหงื่อ กลิ่นอับ ที่เกิดหลังจากเหงื่อออกซะส่วนใหญ่ แต่ก็ใช่ว่าการมีกลิ่นตัว จะไม่เป็นอันตราย เพราะมีกลิ่นบางลักษณะที่บอกโรคที่เกิดขึ้นในร่างกายของเราได้เช่นกัน เพื่อนๆ ต้องลองสังเกตดมกลิ่นตัวของเราเองด้วยนะ จะมีกลิ่นแบบไหนที่สุ่มเสี่ยงต้องไปพบแพทย์โดยด่วนบ้าง ลองไปดูกันค่ะ

  • กลิ่นตัวคล้ายกลิ่นละมุด บางคนอาจคิดว่ากลิ่นตัวคล้ายกลิ่นละมุดน เป็นกลิ่นหลังจากที่เกิดจากการดื่มแอลกอฮอลล์เข้าไปเท่านั้น หากไม่ได้ดื่มแต่มีกลิ่นตัวคล้ายละมุดขึ้น บอกได้ว่าร่างกายขกำลังมีปัญหาในส่วนของระบบขับถ่าย หรืออาจจะกลายผู้ป่วยโรคตับ โรคไตได้
  • กลิ่นตัวคล้ายไข่เน่า เป็นกลิ่นที่มีความรุนแรงส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตเป็นอย่างมาก หากเธอมีกลิ่นตัวคล้ายไข่เน่าแสดงว่าระบบลำไส้กำลังมีปัญหา
  • กลิ่นตัวคล้ายกลิ่นคาวปลา เป็นกลิ่นตัวที่บอกว่าร่างกายของเรากำลังโดนแบคทีเรียจากภายนอกโจมตีอย่างหนัก ซึ่งมักมาจากอาหารที่รับประทานเข้าไป อาทิเช่น อาหารหมักดอง เป็นต้น
  • กลิ่นตัวคล้ายกลิ่นเหม็นเขียวขมคอ เป็นกลิ่นที่แสดงถึงปัญหาของตับ
  • กลิ่นตัวคล้ายกลิ่นผลไม้ เป็นกลิ่นหวานๆ แต่ไม่ควรมองข้าม เพราะเป็นกลิ่นที่บอกว่าร่างกายมีอาการของโรคเบาหวาน

ลองกลับไปดมกลิ่นของตัวเองด่วนๆ หากพบว่ามีกลิ่นตามลักษณะต่างๆ ที่คล้ายกับกลิ่นด้านบน รีบพาตัวเองไปตรวจสุขภาพ พบคุณหมอทันทีเลยนะ!


♡⃛ ────────────────────────────⠀♡⃛

วิธีแก้กลิ่นตัวแรง ทำยังไงได้บ้าง ?

สำหรับการป้องกันกลิ่นตัวก็สามารถทำได้ง่ายมากๆ เลยค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นปัจจัยภายนอกที่เพื่อน ๆ สามารถแก้ไขและป้องกันได้ สามารถทำได้ดังนี้

  • ลดอาหารรสจัด อาหารมัน เนื้อแดง
  • ลดน้ำหนัก อย่าปล่อยให้อ้วนจนเกินไป เพราะยิ่งอ้วนยิ่งเกิดกลิ่นได้ง่ายกว่า
  • สวมเสื้อผ้าที่มีความโปร่งสบาย ควรหลีกเลี่ยงการสวมใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่น เนื่องจากอาจทำให้เกิดเหงื่อและความอับชื้นได้ง่ายกว่าปกติ
  • หากรู้สึกว่าเหงื่อออกบ่อย ๆ ให้พกผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย พร้อมกระดาษทิชชู่เปียกไว้สำหรับซับและทำความสะอาดบริเวณที่เกิดเหงื่อได้ง่าย
  • สครับผิวระหว่างอาบน้ำบ้าง เพื่อเป็นการขจัดขี้ไคล เซลล์ผิวที่ตายแล้ว รวมไปถึงกำจัดแบคทีเรียบางส่วนออกไปจากผิว
  • รักษาความสะอาดของร่างกาย และอย่าใส่เสื้อผ้าตัวเดิมซ้ำ ๆ ควรเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ทุกวัน

♡⃛ ────────────────────────────⠀♡⃛

เคยเป็นไหม ทำไมใช้ผลิตภัณฑ์กลิ่นกายแล้วยังมีกลิ่นตัว ?

ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย มีด้วยกัน 2 รูปแบบ คือ ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายดีโอโดแรนท์ (Deodorant) และ ผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อแอนติเพอสไปแรนท์ (Antiperspirant) ไปดูข้อแตกต่างระหว่าง 2 แบบกันดีกว่า

  1. ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายดีโอโดแรนท์ (Deodorant)

ทำหน้าที่หลักในการลดกลิ่นของร่างกายทีเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย โดยองค์ประกอบหลักของผลิตภัณฑ์ คือ น้ำหอมและยากำจัดเชื้อแบคทีเรีย มีแอลกอฮอล์เป็นตัวทำละลาย โดยเมื่อเราใช้ผลิตภัณฑ์จำพวกดีโอโดแรนท์เหงื่อจะยังคงออกตามปกติ

  1. ผลิตภัณฑ์ยาระงับเหงื่อแอนติเพอสไปแรนท์ (Antiperspirant)

มีองค์ประกอบหลัก คือ น้ำหอมเช่นกัน แต่จะมีสารเคมีที่ทำหน้าที่อุดต่อมเหงื่อ เพื่อป้องกันไม่ให้เหงื่อออกมาจากรูขุมขน เมื่อไม่มีเหงื่อ ก็จะไม่เกิดกลิ่น สารเคมีที่นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์ยาระงับเหงื่อ คือ เกลือของโลหะหนักอลูมิเนียมชนิดต่างๆ ที่มีประสิทธิภาพในการจับกับเกลือของน้ำเหงื่อให้กลายเป็นเจล มีลักษณะกึ่งแข็งกึ่งเหลว จากนั้นจะไปอุดต่อมเหงื่อไม่ให้เหงื่อออก เมื่อสะสมมากๆ ร่างกายจะกำจัดออกโดยการผลัดเซลผิว

โดยทั่วไปแพทย์จะไม่ค่อยแนะนำให้ใช้ ผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อแอนติเพอสไปแรนท์ (Antiperspirant) เพราะมีรายงานการวิจัยในสัตว์พบว่าโลหะอลูมิเนียมเหล่านี้ส่งผลต่อเยื่อสมอง เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม และอาจจะหลุดเข้าไปในกระแสเลือดได้อีกด้วย

แล้วทำไมใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายแล้วอาจจะยังมีกลิ่นตัว ?

ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายเป็นเพียงแค่ตัวช่วยหนึ่งที่ลดกลิ่นลง แต่เราต้องทำควบคู่ไปกับการดูแลความสะอาด พยายามเลี่ยงกิจกรรมหรือสถานที่กลางแจ้งที่ทำให้เหงื่อนออก หากเราไม่ดูแลสุขอนามัยตัวเองแต่หวังว่า ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายจะช่วยได้ อาจจะกลายเป็นว่ากลิ่นตีกันเหม็นมากกว่าเดิมขึ้นไปอีก รวมถึงอย่างที่บอกไป ใช่ว่าทุกคนจะเหมาะกับผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายทุกรูปแบบนะ ดังนั้นแล้วหากต้องการที่จะเลือกผลิตภัณฑ์ระดับกลิ่น ก็อาจจะต้องทดลองใช้และเลือกในสิ่งที่เหมาะกับตนเองด้วยค่ะ


♡⃛ ────────────────────────────⠀♡⃛

ถ้ากลิ่นตัวติดเสื้อทำยังไงดี ?

เรียกว่าจัดมาให้เป็นแพ็คคู่ เหงื่อออกเมื่อไรจะมีของแถมเป็นกลิ่นติดเสื้อ และคราบเหงื่อที่ฝากไว้ให้ตลอดๆ เพื่อนๆ ที่เจอปัญหานี้อยู่อาจจะต้องใช้ตัวช่วยกันหน่อยค่ะ จะมีอะไรบ้างไปดูกัน ใครลองวิธีไหนแล้วเริ่ด อย่าลืมบอกกันด้วยนะ

  • ซักผ้าด้วยน้ำร้อน การซักผ้าด้วยน้ำร้อนเป็นอีกวิธีแรกๆ ที่ทำตามง่าย เนื่องจากน้ำร้อนจะช่วยไปละลายคราบโรลออนหรือผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายที่ติดอยู่ในเสื้อผ้า ที่เป็นสาเหตุของกลิ่นติดเสื้อนั่นเอง
  • ใช้เบกกิ้งโซดา + ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ กำจัดกลิ่นตัวที่ติดเสื้อ โดยป้ายทิ้งไว้ 5-10 นาทีแล้วขยี้บริเวณตะเข็บเสื้อรักแร้ แล้วนำไปซักปกติ
  • ใช้เบกกิ้งโซดา + ผงซักฟอก + น้ำส้มสายชู ผสมกันให้เป็นเนื้อครีม นำมาป้ายบริเวณที่มีคราบหรือกลิ่นบริเวณรักแร้ป้ายทิ้งไว้ 5-10 นาทีแล้วขยี้ จากนั้นนำไปซักด้วยผงซักฟอกปกติ
  • ผสมน้ำยาฆ่าเชื้อโรค (เดทตอล) ในขั้นตอนการแช่ผ้า เมื่อเราแยกเสื้อที่มีกลิ่นตัวออกมาแล้วให้แช่ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคโดยไม่ต้องผสมน้ำยาซักผ้า แช่ไว้ข้ามคืน แล้วนำมาซักด้วยน้ำยาซักผ้าปกติ ช่วยาลดกลิ่นเหงื่อได้
  • เกลือ เทเกลือประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ลงไปละลายในน้ำอุ่น 1 ถ้วยตวง เสร็จแล้วก็ทาให้ทั่วบริเวณที่มีกลิ่นติดบนเสื้อ ทิ้งไว้สักพัก แล้วค่อยนำผ้าไปซักตามปกติ
  • มะนาว ใช้น้ำมะนาวผสมกับน้ำเปล่า จากนั้นทาให้ทั่วบริเวณที่มีกลิ่น เสร็จแล้วก็เอาเสื้อไปตากแดดให้แห้งสนิท ก็สามารถนำกลับมาใส่ต่อได้เลยทันที

♡⃛ ────────────────────────────⠀♡⃛

เป็นยังไงกันบ้างคะ คราวนี้ก็คงรู้แล้วใช่ไหมล่าา ว่าสาเหตุของการเกิด กลิ่นตัว ที่รุนแรงมาจากอะไรได้บ้าง TT^TT ถ้ารู้แบบนี้แล้วก็ควรงด เลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดกลิ่นตัวนะคะ เพราะ กลิ่นตัวเหม็น ไม่ใช่เรื่องตลกจริง ๆ อาจทำให้เราเสียความมั่นใจไปสิ้นเชิงเลยก็ได้ นอกจากนั้น ส่วนใหญ่แล้วคนที่มีกลิ่นตัวมักจะไม่ได้กลิ่นของตัวเอง แต่กลิ่นจะมักจะไปถึงผู้คนรอบข้าง ดังนั้นหากเราเป็นคนใกล้ชิดก็ควรให้กำลังใจ และแนะนำวิธีแก้ที่ถูกต้องเพื่อให้กลิ่นตัวคนใกล้ชิดของเรานั้นลดลง เรียกความมั่นใจให้คืนกลับมาได้นะ !


ขอบคุณภาพประกอบ freepik

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิง bpksamutprakan , allwellhealthcare , rama.mahidol , protex


บทความแนะนำ

เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้

🔮 ดูดวงกับ SistaCafe ผ่าน Line Official !
รูปภาพสำหรับป๊อปอัพลอย:1