1. SistaCafe
  2. Situationship ความสัมพันธ์ในชื่อสุดเก๋ รักกันจอยๆ ใครนอยด์ก่อนเจ็บหนัก

พูดถึงความสัมพันธ์ในปัจจุบันที่มีชื่อเรียกในแต่ละความสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็น FWB, One Night Stand หรือ WWE และล่าสุดอย่าง Situationship หรือที่เรียกความสัมพันธ์นี้อีกอย่างว่า ‘ความสัมพันธ์ตามสถานการณ์’ แน่นอนว่าความสัมพันธ์ทั้งหมดที่พูดมานั้นเหมือนกับจะมีกฎเกณฑ์ตายตัวเลยว่า ถ้าเข้ามาในความสัมพันธ์คุณจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้และสถานะแบบนี้นะ ต้องไม่ก้าวก่ายกันและกัน และสุดท้ายทุกอย่างจะโมฆะเมื่ออีกฝ่ายทำผิดกฎบางอย่าง แต่แน่นอนว่าก่อนที่จะเริ่มความสัมพันธ์อย่าง FWB และ One Night Stand ทั้งสองจะต้องรู้กฎและมีการตกลงกันก่อนเกิดขึ้นก่อนที่จะเริ่มความสัมพันธ์นี้ขึ้น แต่กับความสัมพันธ์แบบ WWE และ Situationship นั้นคือการคุมเครือที่เกิดขึ้นโดยยังไม่ได้ตกลงคุยกัน แต่เป็นเหมือนการที่ต้องไปตามน้ำเรื่อยๆ ทุกคนอาจจะยังมองไม่เห็นภาพ ฉะนั้นเรามาขยายความสัมพันธ์ในชื่อแปลกใหม่อย่าง Situationshipกันว่าคืออะไร แตกต่างจากความสัมพันธ์อื่นๆ อย่างไร ข้อดีและข้อเสีย และสุดท้ายถ้ามันไม่ใช่ควรจะต้องทำตัวอย่างไร ไปดูกัน!

✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿

ความสัมพันธ์แบบ Situationshipคืออะไร?

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F202337%2F1dd8535a-3b2f-46fa-8434-4c6c60867eed?v=20240825162822

Situationship เป็นรูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนเชื่อมต่อทั้งทางอารมณ์และทางกายภาพโดยไม่มุ่งหวังที่จะผูกมัดหรือครอบครองด้วยการพัฒนาความสัมพันธ์ให้เป็นคนรักในอนาคต บางครั้งความสัมพันธ์แบบนี้ก็ไม่ได้เลือกที่จะกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจน แต่ปล่อยให้มันเป็นไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างเช่น นักศึกษามหาวิทยาลัยปีสุดท้ายสองคนอาจจะยังไม่ได้ตกลงเป็นคู่รักกัน เพราะต่างรู้ดีว่าสุดท้ายพอเรียนจบแล้ว อาจจะต้องแยกย้ายกันไปเติบโต หลังจากเรียนจบจึงปล่อยจอยกับความสัมพันธ์แบบนี้โดยไม่เรียกร้องสถานะกันและกัน กับอีกตัวอย่างคือ เราคุยกันได้ทุกเรื่อง ทำทุกอย่างเหมือนคนเป็นแฟน รู้ทุกอย่างของกันและกัน แต่ไม่ต้องมีสถานะใดๆ เป็นต้น

ซึ่ง เอลิซาเบธ อาร์มสตรอง ศาสตราจารย์ด้านสังคมวิทยาจากมหาลัยมิชิแกรน ในสหรัฐ ผู้วิจัยเกี่ยวกับเรื่องเพศวิถีและความสัมพันธ์รูปแบบดังกล่าวระบุว่า ความสัมพันธ์แบบ Situationship เป็นขั้นตอนหนึ่งในการออกเดต ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในหมู่ ‘Gen Z’ หรือกลุ่มผู้เกิดในระหว่างปี พ.ศ. 2540-2555 มีอายุตั้งแต่ 12-27 ปี(ปัจจุบัน) ซึ่งให้นิยามของความสัมพันธ์แบบนี้ว่าเป็นความสัมพันธ์ที่สามารถแก้ปัญหาความต้องการทางเพศความใกล้ชิดความเป็นเพื่อนได้โดยไม่จำเป็นต้องมีกรอบระยะเวลาที่ชัดเจน และศาสตราจารย์อาร์มสรอง ยังระบุอีกว่า Situationship เป็นที่นิยมในหมู่คนรุ่นใหม่เป็นอย่างมากเนื่องจากเป็นการท้าทายต่อค่านิยมของสังคมที่เรียกว่า “การยกระดับความสัมพันธ์” หรือ The Relationship Escalator ซึ่งเป็นรูปแบบความสัมพันธ์แบบดั้งเดิมที่สังคมคาดหวังในรูปแบบความสัมพันธ์ที่พัฒนาและก้าวไปตามลำดับที่ควรจะเป็นตั้งแต่เริ่มทำความรู้จัก คบเป็นแฟน แต่งงาน และกลายเป็นคู่ชีวิต

อีกทั้ง Situationship เป็นการต่อต้านความคิดการคบอยู่กับใครสักคน โดยที่ความสัมพันธ์แบบคืบหน้าเป็นเรื่องที่เสียเวลา ซึ่งความสัมพันธ์รูปแบบนี้ทั้งสองฝ่ายต่างรู้ดีและตกลงใจที่จะอยู่ด้วยกันในพื้นที่แห่งความคุมเครือนี้ โดยอาร์มสตรองกล่าวอีกว่า “พวกเขาสะดวกที่จะอยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้ และตอนนี้ยังไม่อยากขยับความสัมพันธ์ไปไหน”

ซึ่งความสัมพันธ์อย่าง Situationship เริ่มเป็นกระแสในช่วงของปี 2563 เพราะมีการสืบหาข้อมูลผ่าน Google และเป็นการค้นหาที่มีประวัติการค้นหาสูงที่สุด และยังได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในช่วงปลาย 2563 ด้วย และในปีนี้ 2567 ก็ได้มีการเริ่มนำเอากระแสของความสัมพันธ์นี้มาผ่านบทเพลงจากเกิร์ลกรุ๊ปนักร้อง T-pop ชื่อดังของไทยอย่าง 4EVE ด้วยชื่อเพลง ‘Situationship’ นั่นเอง โดยในเนื้อหาของบทเพลงนั้นนั้นก็กล่าวถึงความสัมพันธ์ที่คลุมเครือว่าควรไปต่อหรือพอแค่นี้ใครที่อยากฟังก็ไปลองติดตามดูกันได้

Situationship vs FWB vs WWE เหมือนหรือต่างกันอย่างไร

รูปแบบความสัมพันธ์ของ Situationship

  • เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียก

เมื่ออยู่ในความสัมพันธ์แบบไม่มีแม้แต่ชื่อเรียกสถานะที่บ่งบอกว่าเราเป็นอะไรกัน ก็อาจไม่จำเป็นต้องมีคำว่าระหว่างเราสองคน ซึ่งบางครั้งก็อาจจะเกิดจากการที่เราไม่เคยตั้งคำถามระหว่างกันและกัน หรือตั้งใจจะหาคำตอบจริงๆ จนทำให้เกิดเป็นความสับสนและไม่สามารถที่จะบอกใครว่าเราทั้งคู่อยู่ในสถานะหรือฐานะอะไรกัน

  • ไม่มีการพัฒนาความสัมพันธ์ต่อ

ในการสร้างความสัมพันธ์แบบคู่นั้นอาจเริ่มต้นได้หลายรูปแบบ และจะมีการเรียนรู้ศึกษาซึ่งกันและกันเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ไปเรื่อยๆ ในรูปแบบใดๆ ตามการตกลง แต่กลับ Situationship จะไม่เน้นในจุดนี้เพราะไม่มีความคืบหน้าหรือการพัฒนาเนื่องจากความไม่ชัดเจนแต่ต้น หรือเพราะไม่มีความต้องการที่จะจริงจังในความสัมพันธ์นี้ขนาดนั้น

  • ไม่มีข้อตกลงหรือการผูกมัด

เมื่อไม่มีความชัดเจนและไม่เกิดการตกลงพูดคุยกัน จึงไม่มีการผูกมัดทำให้ต่างฝ่ายต่างรู้สึกว่าเป็นอิสระเหมือนไม่ได้มีใครเป็นพิเศษ แต่ในแง่ของสถานะถ้าพูดกันตามตรงเราไม่ได้เป็นอะไรกันด้วยซ้ำ เพราะไม่ได้ต้องการจะแบกรับความรู้สึกของอีกฝ่ายไว้อยู่แล้ว

  • ไม่มีการวางแผนอนาคต

ความสัมพันธ์แบบอื่นนั้นมีการแพลนและวาดแผนร่วมกัน หรือเมื่อพูดคุยกันมักจะมีอีกฝ่ายอยู่ในภาพที่วาดไว้เสมอ แต่ไม่ใช่กับความสัมพันธ์แบบ Situationship แน่นอน เพราะในความสัมพันธ์นี้นั้นไม่มีความจริงจังขนาดนั้นตั้งแต่แรก มีเพียงแค่การนัดมาเจอกันแต่ก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกในบางเวลาที่รู้สึกเหงามากกว่า และยังไม่มีการพาไปแนะนำให้เพื่อนหรือครอบครัวรู้จัก เพราะไม่ได้ต้องการมีอีกฝ่ายเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางในอนาคตในชีวิต

  • เป็นความสัมพันธ์ที่ผิวเผินไม่ลึกซึ้ง

รู้สึกได้ว่าบทสนทนาที่เกิดขึ้นระหว่างเราสองคนนั้นเป็นอย่างผิวเผินไม่มีการลงลึกหรือ Deep Conversation มากนัก แม้จะมีการใช้เวลาร่วมกันเกิดขึ้นแต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีความผูกพันธ์ลึกซึ้งเกิดขึ้นแต่อย่างใด

  • รู้สึกห่างเหิน ตัวเหินห่าง

หลังจากที่พ้นช่วงเวลาที่ใช้ร่วมกันแล้ว เช่นไปเจอกัน กลับมาต่างฝ่ายต่างอาจจะแยกย้ายไปใช้ชีวิตประจำของตัวเองต่อ ไม่ได้มีการกำหนดว่าจะเจอกันอีกทีเมื่อไหร่ จะตอบแชทกันตอนไหน อาจมีการส่งข้อความหากันหรือโทรคุยกันบ้างแต่ก็ไม่ได้มีความพยายามที่จะเอื้อมมือไปหาอีกฝ่ายขนาดนั้น เพราะความที่ไม่ได้เป็นอะไรกันจึงไม่ได้รู้สึกว่าจำเป็นที่จะมีอีกฝ่ายในชีวิตประจำวัน

แต่สำหรับความสัมพันธ์ในรูปแบบของ FWB และ WWE นั้นค่อนข้างมีความชัดเจนในความสัมพันธ์อยู่แล้วตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นอย่าง

  • ความสัมพันธ์แบบ FWB มีการตกลงกันทั้งสองฝ่ายว่าเราต้องการอะไรจากกันและกัน ซึ่งในข้อตกลงนั้นจะต้องเห็นด้วยและยอมรับในข้อตกลงนี้ทั้งสองฝ่ายก่อนจะเริ่มความสัมพันธ์ ซึ่งความสัมพันธ์นี้นั้นมีกฎตายตัวทำให้เมื่อมีอีกฝ่ายล้ำกฎข้อใดข้อหนึ่งก็สามารถทำให้ความสัมพันธ์นี้จบลงไปได้โดยง่าย
  • ความสัมพันธ์แบบ WWE ก็คล้ายกับเหมือนตกลงกันแล้วว่าจะไม่รุกล้ำความเป็นส่วนตัวของกันและกัน แต่การกระทำนั้นทำทุกอย่างเหมือนคนรัก แต่สถานะจริงๆ ไม่มีชื่อเรียกที่ชัดเจน

โดยสรุปแล้วความสัมพันธ์แบบ Situationship และ WWE จะค่อนข้างมีความคล้ายกันมากๆ แต่สำหรับ Situationship นั้นจะค่อนข้างเป็นอิสระและรักความเป็นส่วนตัวสูงแม้ว่าจะมีการพบเจอหรือพูดคุยกับอีกฝ่าย แต่ก็จะเว้นพื้นที่ให้กับอิสระกับตัวเองมากกว่าที่จะต้องเสียเวลาไปกับการพัฒนาความสัมพันธ์ต่อ แต่กับ WWE แม้จะมีความคุ้มเครือแต่ทุกอย่างทำเหมือนคนเป็นแฟนกัน ใช้เวลาร่วมกันเป็นส่วนใหญ่ แต่ถามหาสถานะอะไรไม่ได้แค่นั้น แต่ถ้าเทียบกับ FWB แล้วค่อนข้างคล้ายกันนิดหน่อยคือไม่รุกล้ำความเป็นส่วนตัว ใช้เวลาด้วยกันแค่ตอนที่เหงาหรือต้องการใครสักคนในเวลานั้นนั่นเอง

โดยยังมีการศึกษาของ ลิซา เวด รองศาสตราจารย์ด้านสังคมวิทยาแห่งมหาลัยทูเลน ในสหรัฐที่มีการสัมภาษณ์นักศึกษาระดับปริญญาตรีจำนวน 150 คน ในปีการศึกษา 2563-2564 พบว่าคน Gen Z นั้น ‘ลังเลที่จะกำหนดรูปแบบความสัมพันธ์ของตนเองและไม่ค่อยใช้ความรู้สึกที่มีต่อกัน เพราะต้องการมีระยะห่างในความสัมพันธ์อยู่บ้าง ซึ่งทำให้มีอิสระในการใช้ชีวิตสูงเป็นอย่างมาก’

ข้อดีและข้อเสียของความสัมพันธ์ตามสถานการณ์

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F202337%2F854ccd46-082d-4244-a457-17e3bd2b0f98?v=20240825162843

ข้อดีของ Situationship

ทำให้รู้สึกสนุกไม่เครียด ไม่ต้องมีการผูกมัดทางอารมณ์ ไม่ต้องรับผิดชอบความรู้สึกใคร เพราะความสัมพันธ์แบบ Situationship แม้จะดูซับซ้อน และดูมีความเข้าใจยาก แต่สามารถเลือกเป็นทางเลือกหนึ่งให้กับหลายๆ คู่ ที่ไม่ต้องการแบกรับความกดดันจากอีกฝ่ายเกินไป รวมไปถึงยังเป็นการค่อยๆ ทำความรู้จักกับอีกฝ่ายแบบค่อยๆ ไล่สเต็ปได้โดยไม่ต้องกลัวความผิดหวัง

ข้อเสียของ Situationship

อาจมีใครคนใดคนหนึ่งที่เริ่มรู้สึกมากกว่า เริ่มเกิดความคาดหวังอยากได้มากกว่านี้ ซึ่งมันทำให้เกิดความเครียดเพราะไม่มีความแน่นอน และไม่มีความสม่ำเสมอของความสัมพันธ์ อีกทั้งยังสามารถทำให้เกิด Toxic Relationship ได้เพราะการสร้างความกังวลใจกับอีกฝ่ายไม่รู้ตัว ซึ่งนอกจากนั้นเพราะอยู่แต่ในความสัมพันธ์นี้ทำให้เรากลายเป็นคนปิดกั้นจนไม่สามารถพบเจอคนที่ใช่ หรือลงความสัมพันธ์ที่มั่นคงได้

✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿

ทำอย่างไรเมื่อตกอยู่ในความสัมพันธ์แบบ Situationship

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F202337%2F1043f9b5-0f53-47a9-8bce-2a0af2176ef0?v=20240825162855

ซึ่งความสัมพันธ์แบบ Situationship มีทั้งข้อดีและข้อเสียห่างกันไป ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของทั้งสองฝ่าย แต่แน่นอนว่าความสัมพันธ์แบบ Situationship มักจะตอบโจทย์สำหรับใครที่ไม่ต้องการผูกมัดหรือยังไม่พร้อมที่จะรับความผิดชอบในความสัมพันธ์แบบจริงจัง เพียงแค่ต้องการเพื่อนพูดคุยและเปิดโอกาสให้ตัวเองได้มองหาอะไรใหม่ๆ ไปเรื่อยๆ แต่ในความสัมพันธ์หรือทุกความสัมพันธ์นั้นมักจะมีคนใดคนหนึ่งที่อยากพัฒนาความสัมพันธ์ไปมากกว่านั้น หรือมีความคิดที่ไม่ตรงกัน ดังนั้นแล้วเราสามารถสังเกตตัวเองได้ถ้าเราพอใจหรือไม่พอใจในความสัมพันธ์แบบ Situationship ดังนี้

  • หมั่นสำรวจความรู้สึกตัวเอง และซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองไว้ว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ค่อนข้างที่จะพอใจกับมันหรือเปล่า หรือพอใจกับความสัมพันธ์แบบนี้ไหม
  • พูดคุยทำความเข้าใจกับอีกฝ่าย อย่าปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในความสับสนของความไม่ชัดเจน ถ้าความต้องการของเราอยากพัฒนาความสัมพันธ์แบบจริงจังนั้นต้องรีบพูดคุยกันตั้งแต่เริ่ม
  • หากว่ารู้สึกพอใจกับการอยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้ ทั้งสองฝ่ายอย่างน้อยก็ควรพูดคุยกับตกลงกันถึงเส้นแบ่งขอบเขตต่างๆ เพื่อป้องกันการเสียความรู้สึกที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
  • อย่าลืมว่าความสัมพันธ์แบบนี้อาจสามารถพัฒนาไปสู่ความสัมพันธ์รูปแบบอื่นได้หากทั้งสองฝ่ายพึงพอใจกัน หรือมีการตกลงร่วมกัน แต่ถึงนั้นแล้ว Situationship ก็ถือว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่มีความมั่นคงหรือถาวร ใครที่อยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้จึงต้องดูแลใจของของตัวเองให้ดี
  • สุดท้ายแล้วเราต้องสามารถตอบตัวเองได้ว่าเราชอบความสัมพันธ์แบบ Situationship จริงๆ หรือไม่ หรือเราอาจเหมาะกับความสัมพันธ์ที่มั่นคงและยั่งยืนมากกว่า ฉะนั้นแล้วอย่าลืมพูดคุยทำความเข้าใจอีกฝ่ายในความสัมพันธ์ เพื่อที่จะได้รู้ว่าควรเดินออกมาหาความสัมพันธ์ที่ดีกว่า หรือควรอยู่ต่อเพื่อใช้ไว้มีเวลาเหงา

อย่าง Podcast ที่ได้มีการนำเอาประเด็นความสัมพันธ์แบบ Situationship มาพูดคุยว่าที่จริงแล้วความสัมพันธ์แบบนี้นั้นเหมาะกับเราหรือเปล่าหรือเพียงแค่เราอยากมองหาอะไรใหม่ๆ เฉยๆ ซึ่งในนาทีที่ 33.43 ก็ได้พูดถึงเรื่องของความรู้สึกที่เมื่อเราลองเข้าไปอยู่ในความสัมพันธ์นี้สิ่งที่จะตามมาเมื่อเราไม่เกิดการพูดคุยกันคืออะไร ซึ่ง ศ.ดร.ชลิดาภรณ์ ส่งสัมพันธ์ Host พอดแคสต์ Open Relationship ก็ได้ตอบคำถามนี้ไปว่ามันจะไม่มีทางที่จะไม่มีใครคนใดคนหนึ่งในความสัมพันธ์ที่ไม่คิดเกินเลย แต่ไม่สามารถพัฒนาไปได้เพราะอีกฝ่ายไม่ต้องการ ดังนั้นจึงทำให้ทั้งสองฝ่ายเกิดความรู้สึกอึดอัดกันและกัน นี่คือ Situationship เพราะเป็นการสร้างความสับสนและเหนื่อยทางอารมณ์แบบสุดๆ แน่นอนว่าเมื่อเริ่มทุกอย่างอยู่ในกรอบการควบคุมทั้งหมด แต่ก็มักจะมีอีกคนที่กรอบไม่แน่นจนทำให้ไม่รู้ตัว รู้อีกทีก็เกินเลยไปแล้วนั่นเอง

✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿

สรุป

ความสัมพันธ์ที่ไม่แน่นอน และมีกรอบความสัมพันธ์ที่ชัดเจนว่าต้องมีพื้นที่สำหรับอิสระและความเป็นตัวเอง นี่และคือความสัมพันธ์แบบ Situationship ซึ่งปัจจุบันจะถูกยกมาใช้ส่วนมากในกลุ่มของเด็ก Gen Z เพราะด้วยทั้งสถานการณ์ในปัจจุบันที่เริ่มมีชุดความคิดเรื่องการสร้างครอบครัวที่ไม่ใช่เรื่องสำคัญอันดับต้นๆ อีกต่อไป ทั้งเศรษฐกิจที่ไม่เอื้อต่อการใช้ชีวิต ทำให้ในคน Gen นี้ยังมองว่าการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ต้องมั่นคงนั้นยังไม่มีความสำคัญ เท่ากับการให้อิสระและการใช้ชีวิตด้วยตัวเองเป็นหลัก อีกทั้งความสัมพันธ์นี้นั้นยังไม่ต้องแบบรับความรู้สึก สามารถดำเนินความสัมพันธ์นี้ต่อไปได้เรื่อยๆ อีกทั้งเลือกหัวข้อพูดคุยกันได้แบบสบายใจโดยไร้สถานะอีกด้วย ซึ่งข้อดีอาจจะเหมาะกับคนที่ต้องการและไม่ต้องการพัฒนาความสัมพันธ์นี้เป็นอย่างอื่น แต่ข้อเสียคือถ้าเมื่อไหร่อีกฝ่ายเริ่มรู้สึก ก็จะสามารถกลายเป็น Toxic Relationship ได้ทันที ดังนั้นแล้วเมื่อรู้ตัวว่าไม่เหมาะกับความสัมพันธ์แบบ Situationship ให้รีบถอยออกมาทันทีก่อนที่ตัวเราจะรู้สึกเจ็บเกินไป


ขอขอบคุณภาพประกอบจาก : Freepik

ขอขอบคุณแหล่งที่มาข้อมูลจาก : เว็บไซต์ Hello Magazine , เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ , เว็บไซต์ The Potential

บทความอื่นๆ ที่แนะนำ






เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้