1. SistaCafe
  2. Reiki ศาสตร์รักษาพลังงานจากญี่ปุ่น ดึงเอเนอร์จี้ลบ ๆ บำบัดกาย ใจ จิตวิญญาณ

ฮัลโหลเพื่อน ๆ ชาวซิส มาเมาท์มอยกันหน่อยเร็วว และสำหรับประเด็นที่เราอยากชวนเพื่อน ๆ มา talk กันในบทความนี้ เป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลกใหม่และน่าสนใจสำหรับเราด้วย นั่นก็คือเรื่องเกี่ยวกับ " ศาสตร์แห่งพลังงาน " นั่นเอง อ่านมาถึงตอนนี้บางคนอาจจะเริ่มขนลุกขึ้นมา แต่ไม่ต้องกังวลกันไป ไม่ใช่พลังงานบางอย่างแบบผีกุ๊กกู๋แน่นอน แต่บทความนี้อยากชวนเพื่อน ๆ มาทำความรู้จักกับ " Reiki " ( เรกิ ) ศาสตร์แห่งการรักษาด้วยพลังงานจากญี่ปุ่น เพื่อช่วยฟื้นฟูสุขภาพร่างกายและจิตใจ เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการบำบัดร่างกายที่กำลังเป็นกระแสในช่วงนี้ด้วย บทความนี้เลยอยากชวนเพื่อน ๆ ไปรู้จักกับ Reiki ศาสตร์แห่งการรักษาพลังงานให้มากขึ้น ว่าศาตร์การบำบัดแบบนี้มีความเป็นมายังไง วิธีการบำบัดด้วยพลังงานเป็นแบบไหน ฯลฯ ลองตามไปทำความเข้ากับกับศาสตร์การบำบัดนี้ให้มากขึ้นกัน


Reiki คืออะไร


ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกับคำว่า " Reiki " กันก่อนดีกว่า Reiki ในภาษาญี่ปุ่นคำว่า ' Rei ' อาจหมายถึง สากล และคำว่า ' ki ' ในภาษาญี่ปุ่นมีความหมายถึง พลังชีวิตที่สำคัญซึ่งไหลผ่านสิ่งมีชีวิตทั้งหมด มีความหมายเหมือนกับคำว่าหรือ ปราณ ในภาษาสันสกฤตที่มีความหมายถึงลมหายใจ หรือพลังชีวิตที่เป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงให้เรายังคงมีชีวิตอยู่ รวมกันเป็นคำว่า ' Reiki ' ที่อาจะหมายถึงพลังชีวิตแห่งจักรวาล

ส่วนศาสตร์แห่งการรักษาพลังงานจากญี่ปุ่นอย่าง " Reiki " สามารถอธิบายได้ว่าเป็นรูปแบบการบำบัดทางเลือกแขนงหนึ่ง เกิดขึ้นในญี่ปุ่นช่วงปลายปี 1800 โดยทั่วไปจะเรียกว่าการรักษาพลังงาน ที่ช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลผ่านการสัมผัสที่อ่อนโยน จากการใช้มือหรือฝ่ามือของผู้ใช้เรกิส่งพลังงานมาสู่ร่างกายของผู้รับ พลังงานจะเข้าไปช่วยปรับปรุงการไหลเวียน และช่วยให้ผู้คนมีความสมดุลทางร่างกาย อารมณ์ จิตใจ และจิตวิญญาณ


การบำบัดด้วย Reiki ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?


จากที่ได้ไปหาข้อมูลมาแล้วพบว่าการบำบัด ด้วยศาสตร์แห่งการรักษาพลังงานจากญี่ปุ่นอย่าง " Reiki " ว่ากันว่าจะช่วยรักษาสภาวะทางอารมณ์ ให้มั่นคงและสงบขึ้น และจากผลงานวิจัยบางชิ้นยังแสดงให้เห็นว่า เรกิสามารถลดอาการปวดเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่มีการศึกษาแสดงให้เห็นว่า เรกิมีประสิทธิภาพในการรักษาโรคใด ๆ และในปัจจุบันก็ยังมีการโต้เถียงในเรื่องการรักษาของศาสตร์นี้อยู่บ้าง เนื่องจากเป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยเรื่องของพลังงาน จิตวิญญาณเลยค่อนข้างพิสูจน์ประสิทธิภาพการรักษาตามหลักวิทยาศาตร์ได้ไม่แน่ชัด

ถึงแม้การรักษาพลังงานตามศาสตร์เรกิจะยังพิสูจน์ไม่ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ แต่จากการรีวิวของผู้ได้รับการบำบัด มักจะให้ความเห็นว่าเรกิช่วยบำบัดในเรื่องของจิตใจ ช่วยปลดปล่อยความเครียดทำให้รู้สึกผ่อนคลายยิ่งขึ้น ซึ่งความรู้สึกของผู้ได้รับการบำบัดในแต่ละรายจะมีความแตกต่างกันออกไป บางคนอาจจะรู้สึกว่ามือของผู้รักษาเริ่มร้อนขึ้น บ้างก็บอกว่ามือเย็น หรือบางคนอาจจะรู้สึกได้ถึงคลื่นสั่นสะเทือน ขึ้นอยู่กับว่าผู้รับการบำบัดต้องการเยียวยาทางด้านไหน และยังมีคนบอกอีกว่า เรกิช่วยให้ผู้คนสามารถรับมือกับความเครียดทางอารมณ์ และปรับปรุงคุณภาพชีวิตโดยรวมได้อีกด้วย เรกิเลยมีประโยชน์ดังนี้


ประโยชน์ของ Reiki

  • ช่วยบรรเทาความเครียดและความวิตกกังวล
  • ช่วยให้ผ่อนคลายและหลับได้ลึกขึ้น
  • ช่วยให้สมองปลอดโปร่งและแจ่มใส รับมือกับปัญหาในชีวิตได้ดีขึ้น
  • ช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้า
  • ช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะและไมเกรน
  • ช่วยบรรเทาอารมณ์ลบที่สะสมอยู่จนปิดกั้นการไหลเวียนของพลังชีวิต
  • ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F202315%2Fa9cf0fd7-9f86-4db1-ab9a-c789af41806c?v=20240824181011

Reiki สามารถใช้เป็นการรักษาทางการแพทย์ได้ไหม?

อย่างที่ได้บอกไปว่า " เรกิ " เป็นศาตร์การบำบัดทาเลือกประเภทหนึ่ง และยังไม่สามารถพิสูจน์ประสิทธิภาพการรักษาตามหลักวิทยาศาตร์ได้ เลยไม่สามารถใช้ในการรักษาโรคทางการแพทย์ได้ แต่สามารถใช้เรกิช่วยเสริมประสิทธิภาพการรักษาทางการแพทย์ หรือเสริมการรักษาประเภทอื่น ๆ ได้ เพราะหน้าที่ของการบำบัดแบบเรกิมีส่วนช่วยปรับสมดุลของจิตใจ และสภาวะอารมณ์ ซึ่งสุขภาพจิตที่ดีก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้สุขภาพร่างกายของเราดีขึ้นตามไปด้วย


ข้อควรระวังในการบำบัดด้วย Reiki

ด้วยความที่ Reiki เป็นศาตร์การบำบัดทางเลือก และยังไม่สามารถพิสูจน์ประสิทธิภาพตามหลักวิทยาศาสตร์ได้ชัดเจน และถึงแม้ว่าการบำบัดด้วยพลังงานจะไม่ได้เป็นอันตรายใด ๆ ต่อร่างกาย เพราะไม่มีการกดทับ หรือการนวดมาเกี่ยวกับ แต่การบำบัดด้วย Reiki ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง อย่างเช่น


  • คนที่มีภาวะเจ็บป่วยหนักหรืออยู่ในภาวะฉุกเฉิน ควรปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลก่อนรับการรักษาด้วยเรกิ
  • คนที่ตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลก่อนรับการรักษาด้วยเรกิ
  • เรกิไม่สามารถให้การรักษาแทนการรักษาทางการแพทย์ได้

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F202315%2F9430bbcb-ff36-4840-9d5c-1db854343ef4?v=20240824181035

วิธีรักษาพลังงานร่างกายด้วยศาสตร์ Reiki ทำยังไง?

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว หลายคนอาจจะอยากรู้ว่าวิธีรักษาพลังงานร่างกายด้วยศาสตร์ของ Reiki ทำงานยังไง จากที่ได้ไปหาข้อมูลมาหลาย ๆ เคสได้อธิบายไว้ว่า ขั้นตอนการทำเรกิจะถูกจัดขึ้นในสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุด ในระหว่างการรักษา ผู้รับการรักษาจะนอนหรือนั่งอย่างผ่อนคลายในท่าสบาย ส่วนผู้ให้การรักษาจะวางมือไว้เหนือร่างกายของผู้รับการรักษาในบริเวณจุดรับพลังงานหลักต่าง ๆ โดยใช้ท่าทางรูปร่างมือที่แตกต่างกัน ส่งพลังงานประมาณ 2-5 นาที ซึ่งมือนั้นจะสามารถวางได้มากกว่า 20 ส่วนในร่างกาย โดยไม่จำเป็นต้องสัมผัสถูกตัว ซึ่งใครที่อยากฝึกการรักษาพลังงานด้วยเรกิ สามารถฝึกได้ตามขั้นตอน ดังนี้


ขั้นตอนการฝึกเรกิเบื้องต้น


  • ตำแหน่งมือ 1 เริ่มการบำบัดเรอิกิด้วยตนเองโดยวางมือเข้าหากันในท่าสวดมนต์ที่ตรงกลางหน้าอก ใต้คาง วางมือไว้ในตำแหน่งนี้สักครู่หนึ่งหรือสองขณะโดยเพ่งสมาธิไปที่การหายใจเข้าและออก อีกครั้งหนึ่ง ให้หายใจเข้าช้าๆ และลึกๆ เพื่อให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย ประมาณ 1-2 นาที
  • ตำแหน่งมือ 2 ค่อย ๆ วางมือทั้งสองไว้บนศีรษะ หายใจเข้าลึก ๆ และผ่อนคลาย มุ่งความสนใจไปที่มือบนหัว ปล่อยให้ตำแหน่งมือนี้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อและผิวหนังบนศีรษะ ประมาณ 2 นาที
  • ตำแหน่งมือ 3 ค่อย ๆ วางมือทั้งสองข้างไว้เหนือดวงตา หายใจเข้าลึก ๆ และผ่อนคลาย มุ่งความสนใจไปที่มือเหนือดวงตาของคุณ เพื่อความสบายในการหายใจ พยายามอย่าวางมือเหนือจมูก ปล่อยให้มืออยู่ในตำแหน่งนี้เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อและผิวหนังบริเวณหน้าผาก ใบหน้า และดวงตา
  • ตำแหน่งมือ 4 ค่อย ๆ วางมือขวาไว้บนคอและมือซ้ายวางเหนือหัวใจ หายใจเข้าลึก ๆ และผ่อนคลายต่อไป มุ่งความสนใจไปที่ลำคอและหัวใจ เพื่อความสบายใจ พยายามอย่าวางมือด้วยแรงกดทับคอมากเกินไป ปล่อยให้มืออยู่ในตำแหน่งนี้เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณคอ ลำคอ และหน้าอกส่วนบน
  • ตำแหน่งมือ 5 ค่อย ๆ วางมือไขว้ใต้เส้นเต้านม นิ้วกลางควรสัมผัสกัน หายใจเข้าช้า ๆ และลึก ๆ ต่อไป มุ่งความสนใจไปที่บริเวณใต้หน้าอกของคุณ ปล่อยให้ตำแหน่งมือนี้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณกึ่งกลางหน้าอกและซี่โครง
  • ตำแหน่งมือ 6 เลื่อนมือให้กว้าง มือข้างหนึ่งวางมือจากแนวเต้านม วางมือเบา ๆ เหนือท้องส่วนบนและในบริเวณช่องท้องแสงอาทิตย์ หายใจเข้าช้า ๆ และลึก ๆ ต่อไป มุ่งความสนใจไปที่ส่วนนี้ของร่างกาย ปล่อยให้ตำแหน่งมือนี้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อในบริเวณนี้
  • ตำแหน่งมือ 7 ค่อย ๆ วางมือเเหนือบริเวณท้องและสะดือ หายใจเข้าช้า ๆ และลึก ๆ ต่อไป มุ่งความสนใจไปที่ส่วนนี้ของร่างกาย ปล่อยให้ตำแหน่งมือนี้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อในบริเวณนี้
  • ตำแหน่งมือ 8 ค่อย ๆ วางมือทั้งสองบนกล้ามเนื้อไหล่ หายใจเข้าลึก ๆ ช้า ๆ ต่อไป มุ่งความสนใจไปที่ส่วนนี้ของร่างกาย และปล่อยให้ตำแหน่งมือนี้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อในบริเวณนี้
  • ตำแหน่งมือ 9 ค่อย ๆ วางมือเหนือเส้นรอบเอวบริเวณไต หายใจเข้าช้า ๆ และลึก ๆ ต่อไป มุ่งความสนใจไปที่ส่วนนี้ของร่างกาย และปล่อยให้ตำแหน่งมือนี้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อในบริเวณนี้
  • ตำแหน่งมือ 10 ค่อย ๆ วางมือบนฝ่าเท้าหรือฝ่าเท้า ดู เพื่อให้ตำแหน่งนี้ง่ายขึ้น ให้ข้ามขาซ้ายเหนือเข่าขวาไปถึงเท้าซ้าย ข้ามขาขวาเหนือเข่าซ้ายไปถึงเท้าขวา ทำเท่าที่ร่างกายพอไว และผ่อนคลาย

การประยุกต์ใช้ศาสตร์ Reiki กับการดูแลความงาม

การรักษาพลังงานร่างกายด้วยศาสตร์ของ Reiki เป็นการส่งต่อพลังงานด้วยมือ ช่วยบรรเทาอาการตึงเครียดและช่วยให้ผ่อนคลาย เลยได้มีการนำศาสตร์การรักษาพลังงาน Reiki มาใช้กับการดูแลความงามในด้านต่าง ๆ อยู่ด้วยนะ เพื่อช่วยบำบัดและดูแลผิวหนัง เส้นผม หรือร่างกายในส่วนต่าง ๆ ให้ผ่อนคลาย กลับมามีพลังงานหมุนเวียนที่ดียิ่งขึ้น อย่างเช่น


การฟื้นฟูผมร่วงด้วยศาสตร์ Reiki


ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F202315%2F4d928ae3-b664-4dfe-aab5-1fa16cb45640?v=20240824181110

สาเหตุของผมร่วงบางครั้งอาจจะมีส่วนมาจากความเครียดสะสม ส่งผลให้ฮอร์โมนคอร์ติซอลเพิ่มขึ้น ทำให้เส้นผมอ่อนแอและงอกใหม่ช้าลง ส่งผลให้ผมร่วง ผมบาง และพอผมร่วง ผมบางลง ยิ่งเกิดความรู้สึกวิตกกังวล บั่นทอนจิตใจได้ง่าย การรักษาพลังงานร่างกายด้วยศาสตร์ของ Reiki ที่ช่วยในเรื่องของการบำบัดจิดตใจและอารมณ์ อาจจะมีส่วนช่วยบรรเทาปัญหาผมร่วงได้ จากความรู้สึกผ่อนคลาย ความสงบภายในจิตใจ และจากการสัมผัสที่ศีรษะ เชื่อว่ามีผลดีต่อการเจริญเติบโตของเส้นผม ฟื้นฟูให้กลับมาแข็งแรง ลดการหลุดร่วง กระตุ้นเส้นผมงอกใหม่


นวดหน้า Reiki ดูแลสุขภาพผิวหน้าใส ดูอ่อนเยาว์


ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F202315%2F8ede359a-e818-473d-82ec-d5970566d588?v=20240824181121

ต่อมาเป็นการประยุกต์ใช้ศาสตร์ Reiki ในการดูแลผิวหน้า อย่าง ' การนวดหน้า Reiki ' สำหรับวิธีการนวดหน้า Reiki จะเป็นศาสตร์การใช้มือล้วนๆ ไม่มีการใช้ยา ใช้เข็ม หรือใส่สิ่งแปลกปลอมใด ๆ ลงไปในร่างกายเป็นศาสตร์ดั้งเดิมที่ผสานการนวดหน้า เข้ากับการกดตามจุดต่อมน้ำเหลืองสำคัญบนใบหน้าเพื่อรีดไล่น้ำเหลือง ไล่ของเสียสะสมที่ทำให้เกิดปัญหารูปหน้าเปลี่ยนช่วยยกกระชับ ปรับรูปหน้า เคลียร์ปัญหารอยย่นยับ สลายพังผืดบนใบหน้า แต่ด้วยความที่การนวดหน้าแบบ Reiki เป็นวิธีการนวดหน้าที่เป็นธรรมชาติมาก ๆ จึงต้องอาศัยความต่อเนื่องแต่ละคนใช้เวลา 5-10ครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพผิวหน้าด้วย


***********************************************************


สรุป

ทำความรู้จักกับศาสตร์แห่งการรักษาพลังงานจากญี่ปุ่นอย่าง " Reiki " มาแล้ว เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งศาสตร์การบำบัดที่น่าสนใจอยู่เหมือนกันนะ แถมยังเป็นศาสตร์ที่ค่อนข้างแพร่หลายในทั่วโลก หลายโรงพยาบาลทั่วโลกนำมาใช้ร่วมกับการแพทย์แผนปัจจุบัน เช่น อเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย แคนาดา สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมัน ฯลฯ และยังมีข้อมูลจากกลุ่มนักวิจัยส่วนหนึ่งที่พยายามศึกษาเพื่อทดสอบประสิทธิผลของเรกิด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ โดยยอมรับในบางประเด็นว่า แม้จะไม่สามารถรักษาโรคร้ายแรงได้ แต่อาจช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวล ส่งผลให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น สำหรับใครที่อยากบำบัดเรื่องของจิตใจ สภาวะอารมณ์ ลองศึกษาข้อมูลนำReiki มาเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการบรรเทาสภาพจิตใจกันได้


ขอบคุณรูปภาพจาก istock


ข้อมูลอ้างอิงจาก





บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ







เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้