เคยได้ยิน หรือเคยพูดกับตัวเองแบบนี้มั้ย " ทำแบบนี้แล้ว เขาจะรู้สึกแย่กับเราไหมนะ... " หรือ " คนอื่นทำได้ดีกว่าตั้งเยอะ ฉันทำไม่ได้หรอก... " ถามหน่อยเถอะว่า เหนื่อยไหม? ที่ต้องมานั่งกังวลตลอดเวลา คิดว่าตัวเองทำไม่ได้บ้าง คนอื่นดีกว่าบ้าง หรือจะกลัวว่าคนอื่นเขาจะคิดยังไงกับเรา คงจะรู้สึกเศร้าในบางทีที่คิดว่า ตัวเองทำอะไรก็ไม่เคยดีพอ ลองมองย้อนกลับไปดูนะคะ ว่า มีใครเขามานั่งดุด่าว่าเราจริง ๆ บ้าง เรากำลังใส่ใจกับอะไรหลาย ๆ อย่างมากจนเกินไปหรือเปล่า เชื่อว่า ถ้าลองนั่งคิด และเรียบเรียงเหตุการณ์ต่าง ๆ ดูดี ๆ แล้ว ไม่มีอะไรที่ทำให้รู้สึกแย่ไปมากกว่าการที่ตัวเราเองมองว่า มันแย่ หรอกค่ะ สำหรับใครที่ชอบคิดมาก พยายามหยุดคิดแล้วแต่ก็ไม่ได้ผล ลองช่างแม่งดูมั้ย วันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับ Let Them Theory ทฤษฎีช่างแม่ง ในวันที่เข้าใจตัวเองอย่างแท้จริง มันคืออะไร แล้วมันจะช่วยอะไรเราได้บ้าง ไปดูพร้อม ๆ กันเลย
🤍🤍🤍🤍🤍🤍🤍🤍🤍🤍🤍🤍🤍🤍
ใครอยากทำก็ให้เขาทำไป ? ทฤษฎี Let Them Theory คืออะไร ?
มีหลายคนแน่ ๆ ที่ไม่รู้จัก ทฤษฎีช่างแม่ง หรือ Let Them Theory สรุปแล้วมันคืออะไร จริง ๆ ต้องบอกก่อนว่า จุดเริ่มต้นที่เราได้รู้จักทฤษฎีนี้ มาจากหนังสือเล่มนึง เห็นคนใน Tiktok รีวิวกันเยอะมาก ซึ่งก็คือ ทฤษฎีปล่อยเขา (The Let Them Theory) ของนักเขียน Mel Robbins และวันนี้เราจะชวนเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับทฤษฎีนี้พร้อม ๆ กัน เอาแบบให้เก็ทกันไปเลย !
Let Them Theory คือ วิธีฮีลใจเชิงจิตวิทยาอย่างหนึ่ง ที่จะช่วยให้คนที่กำลังเป็นท้อกับการพยายามอยากจะให้คนอื่นพอใจอยู่ตลอดเวลา กลับมาเป็นสุข และเหนื่อยใจน้อยลงได้ ซึ่งทฤษฎีนี้ จะแสดงให้เราได้เห็นว่า จริง ๆ แล้ว เราไม่สามารถควบคุมความคิด และการกระทำของผู้อื่นได้ ลองพูด หรือคิดคำว่า Let Them’ ดู มันจะช่วยทำให้เรายอมรับได้ว่า เราไม่สามารถเปลี่ยนความคิด หรือการกระทำของผู้อื่น และเราก็จะไม่สามารถโน้มน้าวเขาให้ทำตามความคาดหวังของเราได้่เช่นกัน
หลังจากหนังสือของ Mel Robbins ออกมา ทำให้คนอ่านหลาย ๆ คน หันมาใช้คำว่า Let Them กันมากขึ้น ซึ่งเธอได้อธิบายไว้ด้วยนะว่า “ นี่เป็นคู่มือ step-by-step เกี่ยวกับวิธีหยุดวงจรที่เอาความคิดเห็น เรื่องดราม่า และการตัดสินของคนอื่น มาส่งผลต่อชีวิตของเรา มันจะทำให้คุณเป็นอิสระจากวัฏจักรที่เหนื่อยล้าของการพยายามจัดการทุกสิ่งทุกอย่าง และทุกคนที่อยู่รอบๆ ตัว” เธอยังกล่าวอีกว่า คนเรานั้น เสียเวลา และพลังงานไปมากเหลือเกินกับการบังคับให้คนอื่นทำตามความคาดหวังของเรา เพราะงั้นปล่อยเขาไปเถอะ สุดท้ายแล้วเมื่อเรารู้ว่า เขาเป็นคนยังไง หรือคิดแบบไหนเกี่ยวกับเรา นี่มันอาจจะดีก็ได้นะ เราจะได้เลือกได้ว่า จะไปต่อ หรือพอแค่นี้กับคนคนนี้ดีมั้ย นอกจากนี้ เธอยังบอกอีกว่า นักจิตวิทยาหลายคนเคยพูดไว้ด้วยว่า เมื่อใดก็ตามที่คุณพยายามจะควบคุมบางสิ่งที่คุณไม่สามารถควบคุมได้ คุณจะยิ่งเครียด หงุดหงิด และวิตกกังวล เพราะงั้นช่างแม่ง !
หลักคิดของ (Let Them Theory) ง่าย ๆ ดังนี้
- ถ้ามีคนขับรถปาดหน้าคุณบนถนน ? ปล่อยให้เขาเป็นไป !
- ถ้าเพื่อนของคุณยังคบกับแฟนที่ไม่เอาไหน ? ปล่อยให้เขาเป็นไป !
- ถ้าคุณกำลังคิดวนเวียนถึงพฤติกรรมของคนอื่น ปล่อยให้เขาเป็นไป !
ทฤษฎีปล่อยให้เขาเป็นไป (Let Them Theory) เป็นอีกหนึ่งทฤษฎี ที่จะช่วยให้คุณเรียนรู้วิธีหยุดเสียเวลาหมกมุ่นกับเรื่องของคนอื่น และหันมาโฟกัสกับสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองมากขึ้น เพราะการควบคุมคนอื่น มันไม่ได้เป็นประโยชน์อะไรกับตัวเราเลย หยุดทำแบบนี้ไปเถอะ เลิกซะ รู้มั้ยว่า เมื่อเราไม่พยายามเปลี่ยนแปลงคนอื่น ความรู้สึก หรือการกระทำของพวกเขาอีก มันจะทำให้เรากลับมามีพละกำลัง และโฟกัสว่า อะไรที่มีประโยชน์ เช่น กลับมาทำอะไรที่ตัวเองสนใจจริง ๆ ใช้เวลากับเพื่อนกลุ่มอื่นที่เราสบายใจมากกว่า อะไรที่มันไม่ใช่เรื่องของเรา ไม่ใช่สาระสำคัญที่เราจะต้องให้ความสำคัญ ปล่อยไปเถอะ มันเรื่องของเขา
🤍🤍🤍🤍🤍🤍🤍🤍🤍🤍🤍🤍🤍🤍
อะไรบ้างที่เราช่างมันบ้างก็ได้
มีเรื่องอะไรบ้างในชีวิต ที่เราสมควรจะต้อง ช่างแม่ง ! ไปซะบ้าง วันนี้เราได้รวบรวมลิสต์ เรื่องที่อยากให้เพื่อน ๆ ลองปล่อยว่างตัวเองดู เอาจริง ๆ มันอาจจะช่วยทำให้เพื่อน ๆ รู้สึกสบายกาย และสบายใจชึ้นก็ได้นะ จะมีเรื่องอะไรบ้าง เอาเป็นว่า เราไปเช็กลิสต์ดูพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าค่ะ
- ช่างแม่ง ถ้าเขาคิดว่าเราด้อยกว่าเขา แค่เรารู้ค่าตัวเองก็พอ ไม่ต้องรอให้ใครมารับรองหรอก
- ช่างแม่ง ถ้าใครจะมองว่าเราไม่สวย แค่เรารู้ว่า เรามั่นใจ เรามีคุณค่า และเราพอใจกับความสวยของตัวเอง ก็พอแล้ว
- ช่างแม่ง ถ้าเขาจะเดินจากไป คนจะอยู่ก็อยู่ คนจะไปก็ไป ไม่มีใครอยู่กับเราได้ตลอดชีวิต นอกจากตัวเราเองหรอก
- ช่างแม่ง ถ้าเขาไม่ชอบเรา เราไม่ได้เกิดมาให้ใคร ๆ ก็รัก ขอแค่เรารักตัวเองก็พอ
- ช่างแม่ง ถ้าเขาจะพูดถึงเราในทางไม่ดี อย่าเสียพลังไปแก้ข่าวกับคนที่อยากจะเข้าใจผิดอยู่แล้ว
- ช่างแม่ง ถ้าเขาเห็นเราเป็นตัวตลก เพราะความพยายามของเราคือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะมาล้อเล่นได้
- ช่างแม่ง ถ้าเขาคิดว่าเราพลาด เพราะใครไม่เคยล้ม ก็คงไม่เคยได้เรียนรู้ที่จะลุก
- ช่างแม่ง ถ้าเขาจะคิดว่าเราจน หรือขี้งก เพราะการที่เราไม่ใช้เงินฟุ่มเฟือย เราประหยัด เราอดออม มันไม่ได้ไปทำร้ายใคร แถมไม่ได้เดือดร้อนใครด้วย
- ช่างแม่ง ถ้าเขาไม่ให้เกียรติเรา เราจะไม่ยอมลดเกียรติตัวเอง เพื่อรักษาคนที่ไม่เห็นค่าเราไว้อีกทำไม
- ช่างแม่ง ถ้าเขาคิดว่าเขาแน่ ของแท้ไม่ต้องอวด เพราะเป็นของปลอมไง ถึงต้องพูดเยอะไว้ก่อน
- ช่างแม่ง ถ้าเขาเฉยชาใส่เรา เพราะความเงียบของเขาไม่เคยดังพอจะดับพลังของเราได้
- ช่างแม่ง ถ้าเขาไม่รู้ว่าเราผ่านอะไรมาบ้าง เราไม่จำเป็นต้องอธิบายทุกบาดแผลให้คนที่ไม่เคยโดนมีดบาดเข้าใจหรอก
- ช่างแม่ง ถ้าเขาคาดหวังว่าเราจะเป็นเหมือนเดิม แต่รู้มั้ยว่า คนที่เติบโตจริง จะไม่ยอมอยู่ที่เดิมเพราะคำว่า “เคย”
- ช่างแม่ง ถ้าเขาบอกว่าเราเปลี่ยนไป ซึ่งแน่นอนอยู่แล้ว เพราะเราไม่ได้โตมาเพื่อวนอยู่ในลูปเดิม ๆ
- ช่างแม่ง ถ้าเขาจะตัดสินเราจากเพศที่เราเป็น ในเมื่อเราภูมิใจในสิ่งที่เราเป็น และเราก็เคารพตัวเองมากพอ เพราะฉะนั้นก็ไม่จำเป็นต้องสนว่า ใครจะมองเรายังไง ในเมื่อสิ่งที่เราเป็น และทำอยู่ มันไม่ได้ทำร้ายใคร
- ช่างแม่ง ถ้าเขาไม่เข้าใจความฝันเรา ฝันมันเป็นของเรา ไม่ใช่ของใคร ทำไมต้องรอให้ใครมาอนุมัติ
- ช่างแม่ง ถ้าเขาจะอิจฉา เพราะเขาเห็นบางอย่างในตัวเราที่เขาไม่มี
- ช่างแม่ง ถ้าเขาจะเป็นยังไง เพราะสุดท้าย ชีวิตเราขึ้นอยู่กับ “ เราจะเป็นยังไง ” ไม่ใช่ “ เขา ”
แชร์ 5 ทริคช่างมันแบบง่าย ๆ สำหรับคนชอบคิดมาก
สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่เป็นคนคิดมาก คิดเยอะ ปล่อยวางไม่ได้ ไม่สามารถพาตัวเองเข้าไปอยู่ในทฤษฎีช่างแม่งได้ วันนี้เรามีทริคช่างแม่งง่าย ๆ มาแนะนำ ทำตามนี้ดู รับรองว่า เพื่อน ๆ จะสามารถเข้าไปอยู่ในทฤษฎีได้บ้างแน่นอน การปล่อยวาง ไม่ใช่เรื่องยากค่ะ ลองทำตามกันดู
มองว่ามันไม่ได้แย่ขนาดนั้น
หนึ่งวันมันผ่านไปเร็วมาก ๆ นะ ทุกวันมีอะไรหมุนผ่านตัวเราไปเยอะมากมาย บางวันเราอาจจะทำอะไรพลาดไป ก็ไม่มีใครเขามานั่งจดจำความผิดพลาดของเราตลอดไปหรอกค่ะ นี่เป็นสิ่งที่เราต้องทำความเข้าใจกับมัน อย่าให้เรื่องของวันนี้ต้องไปลบโอกาสดี ๆ อะไรใหม่ ๆ ของวันพรุ่งนี้ คิดซะว่า วันนี้ทำไม่ดี ก็ทำวันต่อไปให้ดีกว่า ขนาดนักโทษยังมีโอกาสได้กลับตัวเป็นคนดีเลย บางครั้ง ในวันที่เราผิดพลาด คนอื่นอาจจะตัดสินเราไปแล้วว่า เราเป็นแบบนั้น แบบนี้ ซึ่งมันก็ไม่ได้ผิดอะไร ถ้าใครบางคนจะเลือกที่จะตัดสินคนคนนึงจากสิ่งที่เขามองเห็น ขนาดเรายังเป็นเลย แต่อยากให้มองในมุมที่กว้างขึ้น คนเราผิดพลาดกันได้ มันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร อีกอย่าง เมื่อเรารู้ว่า เราผิดพลาด เราก็แค่ต้องเรียนรู้ และแก้ไขให้สิ่งเรานั้นมันถูกต้องเท่านั้นเอง ความผิดพลาดอาจจะทำให้เราเสียกำลังใจ แต่มันไม่ได้ทำให้โลกทั้งใบของเราพังสักหน่อย จริงมั้ย เพราะฉะนั้นอย่ามองว่ามันเลวร้ายขนาดนั้นเลย
เขียนสิ่งที่ตัวเองกำลังรู้สึกลงไปในกระดาษ
การเขียนข้อความลงไปในกระดาษ จะช่วยหยุดความฟุ้งซ่านได้ดีเลย ลองเขียนเรียบเรียงดูว่า เรากำลังไม่สบายใจกับเรื่องอะไรบ้าง หาสาเหตุที่ทำให้เราต้องคิดมาก หรือเป็นกังวล ลองระบายลงบนกระดาษดู ถ้ารู้สึกอยากร้องไห้ ก็ร้องออกมาให้เต็มที่ เมื่อเขียนสิ่งที่ตัวเองรู้สึกลงไปแล้ว ก็ลองนึกทางออกดูว่า จะมีใครช่วยเหลือ ให้คำปรึกษาเราได้บ้างไหม หรือจะแก้ไขได้ยังไง มองในมุมกลับว่า ถ้ามีคนมาปรึกษาเราเรื่องนี้เราจะแนะนำเขาว่าอะไร และเขียนมันลงไป พร้อมวาดรูปเล็ก ๆ น่ารัก ๆ ให้กำลังใจตัวเอง ทิ้งไว้สักพักแล้วร้องไห้หนัก ๆ หรือกรี๊ดดัง ๆ สักที กลับมาอ่านข้อความที่ตัวเองเขียนไว้ก็จะเข้าใจเอง ว่ามันไม่ได้แย่ขนาดนั้น
รู้จักกับตัวเองให้มากขึ้นโดยการทำ SWOT
หลายคนคงจะเคยหันกลับมามองตัวเองแล้วถามว่า " นี่เรามีอะไรดีบ้างเนี่ย ! " ใช่ไหมล่ะ เชื่อเถอะค่ะ ไม่ได้มีแค่เราคนเดียวที่ชอบตั้งคำถามกับตัวเองแบบนั้น บ่อยครั้งที่เรามักจะน้อยใจตัวเองว่า เป็นคนไม่มีความสามารถ หรือมองว่า คนอื่นทำได้ดีกว่า ในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีใครที่เก่ง และรอบรู้ไปซะทุกด้านหรอก ในเรื่องนี้เขาอาจทำได้ดีกว่าเรา ในขณะเดียวกันก็อาจมีเรื่องบางเรื่องที่เราทำได้ดีกว่า ซึ่งไม่ว่าใครจะทำอะไรดีกว่าเรา แล้วมันทำไม ไม่ต้องรู้สึกอิจฉา หรือไม่ชอบหรอก แค่ ช่างมัน คำเดียว ง่าย ๆ เลย
การทำ SWOT ก็คือ การหาจุดแข็ง, จุดอ่อน, โอกาส, และอุปสรรคของเรา ลองมานั่งนึกดูซิว่า ตัวเรามีอะไรบ้าง โดยเขียนลงบนกระดาษ เพื่อให้เห็นภาพได้ชัด ใครที่ไม่แน่ใจว่า ตัวเองมีอะไรบ้าง ก็ลองนึกถึงสิ่งที่เคยทำมาก็ได้ค่ะ ว่ามีอะไรที่เราทำแล้วได้รับคำชม หรือรู้สึกภูมิใจ รวมถึงอะไรที่ทำแล้วทำได้ไม่ดี จากนั้นมองกลับมาที่ โอกาส ว่าเรามีโอกาสได้ทำอะไรบ้าง สิ่งที่ฝึกมา สิ่งที่กำลังสนใจ หรือกำลังเรียนอยู่ เราได้อะไรจากมัน เพื่อที่จะกลายมาเป็นโอกาสให้กับเรา และมีอุปสรรคอะไรที่ทำให้เราไม่สามารถทำสิ่งนั้นได้บ้าง SWOT จะช่วยทำให้เรามองเห็นตัวเราเอง และเข้าใจตัวเราเองมากยิ่งขึ้น วิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยทำให้เราเข้าใจตัวเอง และรู้ได้ชัดมากยิ่งขึ้นว่า เราก็มีหลายสิ่งที่น่าภูมิใจ ฉะนั้นถ้าเราจะทำอะไรไม่ได้บ้าง มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ภูมิใจในตัวเองเข้าไว้เยอะๆ และปล่อยวางกับบางความคิด ที่จะมาด้อยค่าตัวเองเถอะ
ถามคนรอบตัวอย่างตรงไปตรงมา
อยู่ดี ๆ ก็เหมือนคนรอบข้างแปลกไป เราทำอะไรผิดหรือเปล่า คงจะเคยประสบสถานการณ์เหล่านี้ใช่ไหมคะ ทุกวันที่เคยเป็น หรือเคยเจอ ในวันนี้มันแตกต่างออกไป เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดามากค่ะ จะให้ทุกวันสดใส และเหมือนกันตลอดเวลาก็คงเป็นไปไม่ได้ บางทีถ้ามีอะไรที่เรารู้สึกไม่สบายใจ ก็ลองถามคนที่รู้จักเลยค่ะ ถามว่าเขาเป็นอะไรหรือเปล่า " เราทำอะไรให้เธอไม่พอใจหรือเปล่า " การถามแบบนี้ยังช่วยแสดงให้เห็นถึงการใส่ใจคนรอบข้างด้วยนะ หรือไม่ก็อาจจะลองเกริ่นถามไปว่า " เธอว่าเราเป็นคนแบบไหน " ก็จะช่วยให้เราได้รู้จักตัวเราในมุมมองคนอื่นมากขึ้น และจะได้ไม่ต้องเก็บมาคิดให้กังวลใจ มีอะไรที่เขาอาจจะไม่ชอบเรา ก็จะได้รู้อย่างชัดเจนกันไปเลย แล้วก็นำมาปรับตัวแก้ไข แต่รู้ไว้นะคะว่า ไม่มีใครพอใจกับเราไปซะทุกเรื่องหรอกค่ะ สิ่งที่เป็นเราแล้วเรารู้สึกเป็นแบบนี้แหละที่ทำให้สบายใจ ก็ควรอธิบายให้เขาได้รู้ เพื่อเป็นการปรับความเข้าใจกันไปด้วยค่ะ
ใช้ชีวิตในแบบที่เราเลือก
สิ่งแรกที่เพื่อน ๆ จะต้องจำเอาไว้คือ คนเราไม่สามารถแบกรับทุกอย่างไว้ได้ อย่าเอาความทุกข์ใส่ตัว และลองใช้ชีวิตในแบบที่เราเลือก การคาดหวังว่า คนอื่นจะคิดยังไงกับเรา มันก็ไม่ต่างอะไรกับการเอาชีวิตตัวเองไปผูกไว้กับคนอื่น จริงมั้ย การที่เราเอาแต่แคร์สายตาคนอื่น แคร์ว่าเขาจะคิดกับเรายังไง มันจะทำให้เราไม่สามารถเลือกสิ่งที่ตัวเองต้องการ หรืออยากที่จะเป็น และทำได้ เพราะกลัวจะถูกมองว่าแตกต่างจากคนอื่น สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณติดอยู่ในความรู้สึกแย่ ๆ และไม่รู้สึกเป็นอิสระ เพราะงั้นลองพูด หรือคิดว่า ช่างแม่ง ดู ต่อไปนี้จะเลือกหนทางของตัวเอง และจะลองเชื่อมั่นใจตัวเองดูสักครั้ง จะไม่แคร์สายตาใคร เมื่อนั้นคุณจะได้ใช้ชีวิตเป็นอิสระในแบบที่คุณเลือกเอง
เรื่องควรรู้ ช่างมันยังไงให้พอดี
หลาย ๆ คนอาจจะเข้าใจผิดว่า ช่างแม่ง หรือ ทฤษฎีปล่อยให้เขาเป็นไป (Let Them Theory) มันคือ การไม่สนโลก ไม่สนใครรึเปล่า จริง ๆ แล้วไม่ใช่นะคะ หลักการของทฤษฎีนี้ ไม่ใช่การไม่สนโลก แต่คือการทำความเข้าใจว่า ขอบเขตของเราสิ้นสุดที่ตรงไหน และยอมรับว่า มีบางสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา ซึ่งก็คือ สถานการณ์ส่วนใหญ่ในชีวิต ดังนั้นแทนที่จะเสียเวลา เราควรโฟกัสที่การกระทำ และการตอบสนองของตัวเอง ง่าย ๆ คือ เราควรลำดับความสำคัญ ว่าสิ่งไหนที่เราควรใส่ใจ และสิ่งไหนที่เราควรจะ ช่างแม่ง ไปซะ !
ความคิด และการบอกตัวเองให้ Let Them ไม่ได้หมายถึงการต้องเป็นคนยอมคนไปซะทุกอย่าง หรือยอมรับการถูกไม่ให้เกียรตินะ แต่มันหมายถึง คุณต้อง Let Them แต่ยังคงต้องเคารพในตัวเอง ไม่ใช่การให้เขา หรือใคร มาเอาเปรียบ หรือทรีตเราแบบแย่ ๆ จำไว้ว่า คำว่า Let Them เป็นคำที่จะช่วยทำให้เราสามารถคัดคนที่จะเข้ามาในชีวิตของเราได้ง่ายขึ้น แม้ทฤษฎีนี้จะไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ครอบจักรวาล แต่มันจะช่วยทำให้เราได้รู้ ได้เห็น ได้เข้าใจว่า สิ่งที่พวกเขาทำ มันก็กำลังสะท้อนตัวตนของพวกเขา ไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้นอะไรก็ตามที่ไม่ใช่เรื่องของเรา หรือไม่ได้มีผลกระทบกับตัวเรามากมายนัก ช่างมันไปบ้าง ก็ไม่เสียหายอะไรหรอกค่ะ

การคิดมากไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรเลยค่ะ ดีซะอีกที่เราสนใจสิ่งรอบตัวขนาดนี้ ถือว่าเป็นคนที่น่ารักมากเลยล่ะ การคิดมากเมื่อมันถูกแสดงออกมาให้คนอื่นได้รับรู้ ก็จะทำให้ตัวเราดูเป็นคนใส่ใจมากขึ้น แต่เรื่องบางเรื่องที่มันเกิดจากตัวเราเอง ก็อาจจะเริ่มแก้ไขได้จากตัวเองเนอะ ไม่มีใครรู้จักตัวเราดีเท่าตัวของเราเอง เชื่อในตัวเองเถอะค่ะ กับสิ่งที่กำลังคิด หรือทำ อะไร ๆ มันก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น สิ่งที่ทำให้เรากังวลใจก็ขอให้คิดซะว่า เดี๋ยวมันก็ผ่านไปแล้ว สู้ ๆ นะคะ ขอเป็นกำลังใจให้เหล่าสาว ๆ ที่ชอบคิดมาก หวังว่าทริคในวันนี้จะเป็นประโยชน์ให้ทุกคนนะคะ
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก IG : @ciizezphr
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : SWOT คืออะไร ?? / 7 วิธี ที่จะทำให้คุณเลิกเป็นคนฟุ้งซ่าน คิดมาก ขี้กังวล / "ปล่อยให้เขาเป็นไป" (Let Them Theory) / หัดพูดคำว่าช่างมันบ้าง ชีวิตจะดีขึ้น
🤍🤍🤍🤍🤍🤍🤍🤍🤍🤍🤍🤍🤍🤍
บทความแนะนำเพิ่มเติม

อะไรไม่ดีก็โยนทิ้งไป! รวม 7 วิธี “ ปล่อยวางอดีต ” แบบง่ายๆ ทำตามแล้วช่วยให้มีความสุขกับปัจจุบันมากขึ้น | บทความของ Pearrisa | SistaCafe ครบเครื่องเรื่องบิวตี้
https://sistacafe.com/summaries/%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2587%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B4%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2587%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%259B-%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A1-7-%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2598%25E0%25B8%25B5-%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%2595-%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%2587%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A2%25E0%25B9%2586-%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%258A%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A2%25E0%25B9%2583%25E0%25B8%25AB%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2588%25E0%25B8%2588%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%25B6%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2599-id=85247

People Please เปลี่ยนตัวเองเป็นคนคิดบวก How to มั่นใจ ไม่ใช่คนอะไรก็ได้ | บทความของ chollychon | SistaCafe ครบเครื่องเรื่องบิวตี้
https://sistacafe.com/summaries/People-Please-98265

Self Care Routine ชวนรู้จักวิธีง่ายๆ ให้กลับมารักตัวเองมากขึ้น | บทความของ ManooFK | SistaCafe ครบเครื่องเรื่องบิวตี้
https://sistacafe.com/summaries/Self-Care-Routine-201671

ช่อง YouTube ดี ๆ ทำให้รักตัวเองมากขึ้น เพราะเราทุกคนสวย หล่อในแบบของตัวเอง | บทความของ siricyn | SistaCafe ครบเครื่องเรื่องบิวตี้
https://sistacafe.com/summaries/%25E0%25B8%258A%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2587-YouTube-%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2586-%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B3%25E0%25B9%2583%25E0%25B8%25AB%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%25A7%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%25B6%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2599-%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A2-%25E0%25B8%25AB

รู้จักรักตัวเองให้เป็น รวม 5 วิธี รักตัวเอง ในวันที่ไม่มีเขา เราก็อยู่ได้ | บทความของ belfry | SistaCafe ครบเครื่องเรื่องบิวตี้
https://sistacafe.com/summaries/%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B9%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2588%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%25A7%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2587%25E0%25B9%2583%25E0%25B8%25AB%25E0%25B9%2589%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259B%25E0%25B9%2587%25E0%25B8%2599-%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A1-5-%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2598%25E0%25B8%25B5-%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%25A7%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2587-%25E0%25B9%2583%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2588%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%25B2-%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2587%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25B9%25E0%25B9%2588%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2589-id=94179